อยากเริ่มขายของออนไลน์
ปัจจุบันมีคนที่ อยากเริ่มขายของออนไลน์ เป็นจำนวนมากและได้รับความมนิยมขึ้นเรื่อยๆ เพราะการขายของออนไลน์นั้นไม่ต้องใช้เงินในการลงทุนจำนวนมาก เหมาะสำหรับคนที่อยากจะมีรายได้เสริมหรือคนที่อยากจะมีธุรกิจส่วนตัว แต่การเริ่มต้นขายของออนไลน์นั้นก็ไม่ใช้เรื่องที่จะสามารถทำให้ขายดีได้แบบง่ายๆ เพราะต้องรู้จักวิธีการขายด้วย ดังนั้นบทความนี้ Packhai เลยจะพาไปรู้จักกับเทคนิคสำหรับคนอยากเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ ว่ามีเทคนิคอะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร พร้อมกับบอกแนวทางว่าอยากขายของออนไลน์เริ่มต้นยังไง ให้ปังและเติบโตได้ในระยะยาว
ข้อดีของการขายของออนไลน์
- สำหรับข้อดีของการขายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ก็คือสามารถทำการขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ใช้ต้นทุนในการขายสินค้าที่ต่ำ และช่วยลดต้นทุนในการเดินทาง
- สามารถทำงานคนเดียวได้ โดยไม่ต้องจ้างลูกจ้าง
- สามารถสร้างร้านค้าขายของออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องมีการสต๊อกสินค้า
- ลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านค้าของเราได้ง่ายและตลอดเวลา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเข้ามาเลือกด้วยตนเอง
ข้อเสียของการขายของออนไลน์
- มีการแข่งขันกันสูง เนื่องจากการขายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์มีการขายสินค้าประเภทเดียวกันจำนวนมาก และง่ายต่อการโดนตัดราคา
- มีความเสี่ยงต่อการถูกแจ้งสแปมและถูกแฮกได้
- ไม่สามารถจับต้องสินค้าได้ เพราะการขายของออนไลน์จะมีเพียงรูปที่แสดงรูปสินค้าเพียงเท่านั้น
- ผู้ซื้อและผู้ขาย ต้องมีความรู้เรื่องอินเทอร์เน็ตจึงจะสามารถเข้ามาสั่งซื้อหรือขายสินค้าได้
- การขายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์จะมีระยะเวลาในจัดส่งสินค้า และบางครั้งลูกค้าก็จะต้องเสียค่าจัดส่งเพิ่มเองด้วยเช่นกัน
อยากเริ่มขายของออนไลน์ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
1.การตั้งชื่อร้าน
การตั้งชื่อร้าน ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณต้องเตรียมให้พร้อมและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่อยากเริ่มขายของออนไลน์ เพราะชื่อร้านจะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าจดจำ รวมถึงหากร้านคุณมีความเป็นเอกลักษณ์ก็จะช่วยทำให้ลูกค้าสามารถจำร้านคุณได้ง่ายมากขึ้นด้วยเช่นกัน
คลิกอ่านเพิ่มเติม: แนะนำ 8 วิธีตั้งชื่อร้าน สำหรับร้านค้าออนไลน์ ให้มีความโดดเด่น จดจำง่าย รับรองขายดีแน่นอน!
2.ช่องทางในการชำระเงิน
สำหรับช่องทางในการชำระเงิน คุณควรเปิดบัญชีที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กัน หรือมีช่องทางในการชำระเงินที่หลากหลายให้ลูกค้าที่เข้ามาทำการเลือกซื้อสินค้าจากร้านของคุณ ซึ่งเป็นการเตรียมตัวสำหรับคนอยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างมาก
3.แผนกลยุทธ์ของร้าน
สำหรับแผนการตลาดของร้าน เช่น แผนการทำคอนเทนต์ขายของ การโปรโมทหรือโฆษณาสินค้า แผนการขายและการแข่งขัน เป็นต้น ถือเป็นสิ่งที่มีความสำหรับอย่างมากสำหรับคนอยากเริ่มขายของออนไลน์ อีกทั้งยังเป็นเหมือนสิ่งที่จะกำหนดชะตาของร้านค้าของอีกด้วย
4.ช่องทางการจำหน่าย
เนื่องจากช่องทางหรือแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ในปัจจุบันนี้มีหลากหลายช่องทาง ซึ่งการเปิดขายสินค้าหลายๆ ช่องทางก็จะช่วยทำให้คุณสามารถมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้นได้เป็นอย่างดีอีกด้วยเช่นกัน
5.เงินที่ใช้ในการลงทุน
เงินทุน ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการขายสินค้า ไม่ว่าจะช่องทางออนไลน์หรือหน้าร้าน ก็ต้องมีการใช้เงินในการลงทุน ซึ่งคุณจะต้องเตรียมให้พร้อม
6.สินค้าที่ต้องการจำหน่าย
อยากเริ่มขายของออนไลน์ ขายอะไรดี การเลือกสินค้าที่จะจำหน่ายถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยคุณอาจมองหาสินค้าที่ชื่นชอบหรือสินค้าที่เป็นเทรนมาจำหน่าย
คลิกอ่านเพิ่มเติม: 10 ไอเดียธุรกิจ เปิดร้านขายอะไรดี ลงทุนน้อย ได้กำไรดี
7.จุดยืนของร้านค้า
จุดยืนของร้านค้า เป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณต้องเตรียมให้พร้อมเมื่อได้สินค้าที่ต้องการจะเลือกจำหน่ายแล้ว ว่าสินค้าของคุณเหมะสำหรับการขายในรูปแบบไหน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองหาเป็นอย่างมาก
8.เวลาในการขายของออนไลน์
สำหรับเวลาในการขายสินค้าออนไลน์ ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งเร็วก็ยิ่งได้เปรียบ อีกทั้งการขายสินค้าออนไลน์เป็นการขายแบบ 24 ชม. และในบางช่วงเวลาคุณก็ไม่สามารถตอบแชทลูกค้าได้ ซึ่งนั่นก็อาจทำให้คุณเสียลูกค้าไป เวลาในการขายของออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ประเภทของการขายของออนไลน์
สำหรับใครที่อยากเริ่มขายของออนไลน์ อาจจะคิดว่าแค่มีสินค้าหรือหาสินค้ามาขาย ก็สามารถเปิดร้านได้แล้ว แต่จริงๆ มันมีรายละเอียดมากกว่านั้น โดยในการขายของออนไลน์ก็สามารถแบ่งออกได้หลักๆ 4 ประเภท ดังนี้
1.การเป็นตัวแทนจำหน่าย
การเป็นตัวแทนจำหน่ายนั้นเป็นตัวเลือกแรกๆ และได้รับความนิยม สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มขายของออนไลน์ เนื่องจากเป็นวิธีที่เริ่มต้นได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ซึ่งตัวแทนจำหน่ายก็สามารถแบ่งออกได้เป็น ตัวแทนจำหน่ายแบบสต๊อกสินค้า และตัวแทนจำหน่ายแบบไม่สต๊อกสินค้า โดยในการขายของจะต้องทำการสมัครหรือเปิดบิลกับร้านค้าที่รับตัวแทนจำหน่ายก่อน ถึงจะสามารถขายสินค้าได้
2.การทำ Dropship
สำหรับการทำดรอปชิป (Dropship) จะเป็นวิธีขายของออนไลน์ โดยการรับหรือสั่งสินค้ามาขายจากต่างประเทศ ซึ่งที่ได้รับความนิยมจะเป็นการรับของมาขายจากจีน เพราะว่าราคาถูก และมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ในการทำดรอปชิปจะมีลักษณะคล้ายๆ กับการเป็นตัวแทนจำหน่าย คือจะมีมีทั้งแบบไม่สต๊อกสินค้า โดยเราจะทำหน้าที่เป็นคนกลาง เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้า เราก็แค่กดสั่งและให้ทางร้านจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าได้เลย และอีกแบบจะเป็นการทำดรอปชิปสินค้าเข้ามาสต๊อกไว้ แล้วค่อยขาย
3.การเป็น Dealer หรือนำเข้าสินค้า
การขายของออนไลน์ด้วยการเป็น Dealer หรือผู้นำเข้าสินค้า จะแตกต่างจากการทำดรอปชิป คือการนำเข้าสินค้าจะเป็นการติดต่อกับผู้ผลิต โรงงาน หรือแบรนด์สินค้าโดยตรงในต่างประเทศ เพื่อสั่งซื้อหรือนำเข้าสินค้าเข้ามาขายอย่างเป็นทางการ ซึ่งส่วนใหญ่จะนำเข้าสินค้าในปริมาณมากๆ และจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน รวมถึงยังต้องมีเงินทุนที่มากอีกด้วย แต่ข้อดีคือจะได้สินค้าที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์ และคู่แข่งเข้ามาได้ยาก
4.การผลิตสินค้าของตัวเอง
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากเริ่มขายของออนไลน์ ก็คือการผลิตสินค้าของตัวเอง หรือสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง ซึ่งการผลิตสินค้าเพื่อสร้างแบรนด์ตัวเองที่ได้ยินกันบ่อย เช่น การผลิตสินค้าแบบ OEM วิธีนี้เจ้าของจะสามารถควบคุมทุกอย่างเองได้ทั้งหมด ทั้งเรื่องของการพัฒนาออกแบบ คุณภาพของสินค้า ราคาสินค้า รูปแบบการขายและการทำการตลาด แต่วิธีนี้จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง มีหลายขั้นตอน และใช้ระยะเวลานานกว่าจะได้สินค้าออกมา จึงอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือไม่มีประสบการณ์ในการขายของออนไลน์มาก่อน
เริ่มต้นขายของออนไลน์ สามารถขายสินค้าอะไรได้บ้าง ?
สำหรับคนที่อยากขายของออนไลน์ คำถามหนึ่งที่ต้องมีเลย คือ จะขายสินค้าอะไรดี ? ซึ่งในการเริ่มต้นขายของออนไลน์นั้นจริงๆ แล้วสามารถขายได้ทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือการให้บริการตามความชอบและความถนัดของแต่ละคนได้เลย เพียงแค่ไม่เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายก็สามารถขายได้ ซึ่งสินค้าและบริการที่พบเห็นได้บ่อยๆ บนออนไลน์ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม เครื่องประดับ เคสและอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงบริการรับสอนพิเศษ ให้คำแนะนำด้านการตลาด หรือแม้แต่ไอเทมในเกมส์ Preset แต่งภาพ ก็มีการขายกันเป็นเรื่องปกติ
เทคนิคขายดี สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นขายของออนไลน์
1.ใช้ไอเดียการขายรูปแบบใหม่ๆ
สำหรับการขายสินค้าออนไลน์ ปกติแล้วก็มักจะมีการโพสต์ขายลงในโลกโซเชียลทั่วๆไป ซึ่งเป็นรูปแบบการขายสินค้าแบบเดิมๆที่แน่นอนว่าสร้างความน่าเบื่อให้กับลูกค้าหลายๆคน การปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายสินค้า เช่น การถ่ายวีดีโอขายของ วีดีโอสอนใช้ ริวีวจากผู้ที่ใช้งานจริง หรือบทความน่าสนใจ
2.มีการเคลื่อนไหวร้านอยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีร้านจำหน่ายสินค้าเป็นจำนวนมาก มีทั้งแบบที่เป็นขายสินค้าจริงๆ และแบบที่เป็นมิจฉาชีพ ทำให้ลูกค้าต้องพิจารณาเลือกซื้อกับร้านที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด ซึ่งการเคลื่อนไหวร้านอยู่ตลอดก็เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้เป็นอย่างดีวิธีการหนึ่งนั่นเอง
3.รู้จักวิธีการปิดการขายอย่างรวดเร็ว
เพราะในยุคนี้มีการแข่งขันกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีร้านที่จำหน่ายสินค้าออนไลน์ชนิดเดียวกันอีกจำนวนไม่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้ามีตัวเลือกในการซื้อที่หลากหลาย ดังนั้นการปิดการขายให้เป็นและรวดเร็วจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น
4.เรียนรู้คู่แข่ง
การรู้จักคู่แข่ง ถือเป็นข้อได้เปรียบมากๆอย่างหนึ่ง เพราะคุณจะได้สามารถนำข้อบกพร่องของคู่แข่งมาพัฒนาร้านให้ดีกว่าเดิม เรียกได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเลยทีเดียว
คลิกอ่านเพิ่มเติม: คู่แข่งทางการตลาด คืออะไร มีวิธีวิเคราะห์คู่แข่งอย่างไร พร้อมแนวทางรับมืออย่างมืออาชีพ
5.ทำการโปรโมทหรือโฆษณาสินค้า
สำหรับการโปรโมทหรือโฆษณาสินค้า ถือเป็นวิธีการช่วยเพิ่มยอดขายที่ดีมากๆ วิธีการหนึ่ง เป็นวิธีการที่จะช่วยทำให้หลายคนที่ไม่รู้จักกับร้านของคุณได้รู้จักมากขึ้นนั่นเอง โดยปัจจุบันร้านค้าออนไลน์สามารถโฆษณาสินค้าได้หลากหลายช่องทางมากๆ ทั้งการยิงแอด Facebook, Instagram, Google Ads หรือลงโฆษณาใน TikTok เป็นต้น
6.ควรมีระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้า
แม้ว่าจะเพิ่งเริ่มขายของออนไลน์ แต่การมีระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้าก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้การขายและการทำงานต่างๆ เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดปัญหาต่างๆ เช่น ออเดอร์ตกหล่น พัสดุตกหล่น หรือสินค้าขาดสต๊อก ฯลฯ ร้านค้าจะสามารถจัดการกับออเดอร์จากทุกช่องทางขาย เช็คสต๊อกสินค้า และดูยอดขายสินค้าได้แบบเรียลไทม์
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้า หรือระบบ OMS+WMS By Packhai
ศัพท์น่ารู้ ที่คนอยากเริ่มขายของออนไลน์รู้ไว้ ได้เปรียบชัวร์!
ระบบหลังบ้าน
ระบบหลังบ้าน คือ ระบบที่ใช้ในการจัดการระบบหลังร้านค้าออนไลน์ ตั้งแต่การจัดสต๊อกสินค้า แพ็คสินค้า และส่งสินค้าให้กับลูกค้า เป็นระบบที่คนอยากเริ่มขายออนไลน์ควรจะทราบไว้เป็นอย่างดี เพราะหากมีการจัดระบบหลังบ้านให้ดี ก็จะช่วยทำให้คุณสามารถทำงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
Chatbot
Chatbot เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะเคยรู้จักและเห็นเห็นกันมาบ้างแล้ว ซึ่ง Chatbot นั้นเป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนามามีความสามารถในการตอบกลับบทสนทนาด้วยตัวอักษรแบบอัตโนมัติ เหมือนกับมีคนตอบกลับจริงๆ นั่นเอง
Call to Action
Call to Action คือส่วนที่ช่วยในการกระตุ้นการตัดสินใจให้กับลูกค้าเข้ามาใช้บริการหรือสั่งซื้อสินค้าของเรา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นปุ่มสำหรับนำพาลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาอ่านทำบางสิ่งบางอย่างที่เป้าหมายของเรา เช่น การลงทะเบียน การสมัครเป็นสมาชิก หรือการนำพาเข้าสู่เว็บไซต์ของเรา
COD
COD (Cash on Delivery) คือ รูปแบบการจ่ายหรือชำระเงินแบบจ่ายเงินปลายทาง ซึ่งเมื่อลูกค้าทำการสั่งซื้อสินค้าก็จะทำการจ่ายเงินให้กับคุณก็ต่อเมื่อสินค้าหรือพัสดุไปส่งถึงมือลูกค้าแล้ว และคุณเองก็จะได้รับเงินค่าสินค้าในภายหลัง หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า การชำระเงินแบบปลายทาง
คลิกอ่านเพิ่มเติม: ข้อดี – ข้อเสียของการเก็บเงินปลายทาง จะมีปัญหาอะไรบ้างที่อาจพบเจอ สรุปมาแล้วที่นี่
คลังสินค้า Fulfillment
Fulfillment คือ คลังเก็บสินค้าออนไลน์ ที่จะช่วยทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มีความสะดวกในการขายสินค้ามากขึ้น รวมถึงสามารถโฟกัสกับลูกค้าได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะ Fulfillment จะเป็นผู้ดูแลระบบหลังบ้านให้กับคุณ ตั้งแต่การสต๊อกสินค้า แพ็คสินค้า และส่งสินค้า
ระบบ WMS
WMS (WAREHOUSE MANAGER SYSTEM) คือ ระบบที่ใช้ในการบริหารคลังสินค้า ซึ่งหน้าที่ของระบบ WMS ก็คือการรับสินค้า จัดเก็บสินค้า และเบิกสินค้า เรียกได้ว่าเป็นระบบที่ช่วยทำให้ร้านของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับมือใหม่ที่ อยากเริ่มขายของออนไลน์ อาจจะต้องอาศัยเทคนิคและวิธีการเพิ่มยอดขายให้กับร้าน พร้อมกับวิธีการที่จะทำให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อมีออเดอ์เยอะมากขึ้น คุณก็อาจจะไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้หมดด้วยตัวคนเดียว ซึ่งอาจมีการมองหาบริการคลังเก็บสินค้าออนไลน์ Fulfillment เข้ามาช่วยจัดการระบบหลังบ้านให้กับคุณ เพื่อความสะดวก ประหยัดเวลาและต้นทุนการทำงาน
ซึ่งหากคุณต้องการที่จะเลือกใช้บริการคลังเก็บสินค้าออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเลือกใข้บริการกับบริษัทไหนดี Packhai ถือเป็นบริษัทที่ตอบโจทย์คุณมากๆ เพราะเป็นผู้ให้บริการ Fulfillment คลังสินค้าออนไลน์แบบครบวงจร ไม่ว่าจะสต๊อกจัดเก็บสินค้า แพ็คและส่งสินค้า พร้อมระบบจัดการหลังบ้านและทีมงานมืออาชีพ จึงมั่นใจได้เลยว่าสินค้าของคุณจะถูกจัดเก็บและจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ – อยากรู้ว่า Fufillment BY Packhai ดียังไง? : คลิกที่นี่