บรรจุภัณฑ์ (Packaging) คืออะไร ? แบ่งเป็นกี่ประเภท สำคัญอย่างไรกับธุรกิจ มีหน้าที่และประโยชน์อะไรบ้าง

บรรจุภัณฑ์ (Packaging) คืออะไร

บรรจุภัณฑ์ คืออะไร ?

บรรจุภัณฑ์ (Packaging) คือ หีบห่อที่ใช้สำหรับบรรจุสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะทำให้บรรจุภัณฑ์ของสินค้ามีความสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถดูดความสนใจของลูกค้า เพราะในความเป็นจริงบรรจุภัณฑ์ คือสิ่งแรกที่ลูกค้าจะได้เห็นก่อนตัวสินค้า ดังนั้นถ้าหากว่ามีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม มีความโดดเด่น เข้ากับยุคสมัยและเข้ากับตัวของสินค้า ก็ยิ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้มากยิ่งขึ้น

ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์

ความสำคัญของการบรรจุภัณฑ์หลักๆ คือการรักษาคุณภาพและป้องกันตัวของสินค้า ทำให้สินค้าไม่ได้รับความเสียหายจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ความร้อน ฝุ่นละออง ความชื้น ส่วนความสำคัญในข้อต่อมาก็คือ ช่วยให้การจัดส่งสินค้ามีความสะดวกสบาย เพราะสามารถทำการหยิบสินค้าและเคลื่อนย้ายได้ง่าย นอกจากนี้การบรรจุภัณฑ์ยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของการตลาด เพราะบรรจุภัณฑ์ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น สวยงาม จะสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้

บรรจุภัณฑ์ แบ่งเป็นกี่ประเภท

เชื่อว่าหลายคนพอจะรู้กันอยู่แล้วว่าบรรจุภัณฑ์ไม่ได้มีแค่ประเภทที่บรรจุใส่กล่องเท่านั้น เพราะรูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์นั้นแตกต่างออกไป โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1.บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย 

เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีการห่อหุ้มตัวของสินค้าโดยตรง เพื่อป้องกันสินค้าจากความชื้นในอากาศ ไม่ให้ตัวของสินค้าสูญเสียคุณภาพ โดยเรามักจะเห็นบรรจุภัณฑ์แบบนี้เป็นในลักษณะของขวด กระป๋อง ถุง กล่อง เช่น ขวดเบียร์ กระป๋องน้ำอัดลม ถุงขนม กล่องขนม เป็นต้น สำหรับการออกแบบบรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วยนั้น จะออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังทำให้ผู้บริโภคสามารถหยิบจับบรรจุภัณฑ์ได้ง่าย

2.บรรจุภัณฑ์ชั้นใน 

เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีการห่อหุ้มตัวสินค้าชั้นในไม่ให้ได้รับแรงกระแทก ป้องกันการกระทบกระเทือน ป้องกันความชื้น ความร้อน และแสงแดด โดยเป็นการรวมสินค้าที่มีการบรรจุภัณฑ์ชั้นแรกเข้ามารวมไว้ในบรรจุภัณฑ์เดียว ทำให้ในบรรจุภัณฑ์เดียวมีบรรจุภัณฑ์ชั้นแรกหลายชิ้น ซึ่งเหมาะที่จะนำไปขายปลีกย่อย ส่วนเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ก็ทำออกมาให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม แต่ง่ายต่อการขนส่งและเคลื่อนย้าย

3.บรรจุภัณฑ์ชั้นนอก 

เป็นบรรจุภัณฑ์ที่รวมบรรจุภัณฑ์หลายชั้นเข้าไว้ด้วยกัน วัตถุประสงค์ก็เพื่อป้องกันสินค้าจากแรงกระแทก ทำให้การเคลื่อนย้ายและการขนส่งเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว โดยลักษณะของบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้จะเป็นไม้ หีบ ลัง หรือกล่องขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถบรรจุสินค้าได้ในจำนวนที่มากไว้ในที่เดียวได้ 

ชนิดของวัสดุที่นิยมใช้ทำบรรจุภัณฑ์

ชนิดของวัสดุที่นิยมใช้ทำบรรจุภัณฑ์

นอกจากบรรจุภัณฑ์จะแบ่งเป็นหลายประเภทตามการนำไปใช้งาน ทั้งบรรจุภัณฑ์ชั้นใน บรรจุภัณฑ์ชั้นนอก และบรรจุภัณฑ์สำหรับห่อหุ้มสินค้าแล้ว วัสดที่ใช้ในการทำบรรจุภัณฑ์เองก็มีหลากหลายชนิดเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับตัวสินค้า รูปแบบการนำไปใช้งาน หรือความต้องการฟังก์ชั่นเพิ่มเติมต่างๆ เช่น ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรง หยืดหยุ่น หรือทนน้ำได้ เป็นต้น ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ทำก็จะมีความแตกต่างกันไปนั่นเอง โดยวัสดุที่นิยมใช้ทำบรรจุภัณฑ์ จะมีอยู่ 4 ชนิดหลักๆ ดังนี้

  • บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก
  • บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษ
  • บรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากแก้ว
  • บรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากโลหะ

หน้าที่และประโยชน์ของบรรจุภัณฑ์ มีอะไรบ้าง

1.ป้องกันสินค้า 

การป้องกันสินค้า คือ ประโยชน์หลักๆ และหน้าที่ของบรรจุภัณฑ์เลยก็ว่าได้ ถ้าหากบรรจุภัณฑ์ได้ดี บรรจุภัณฑ์ได้อย่างมิดชิดและสมบูรณ์ ก็จะทำให้สามารถป้องกันสินค้าจาก ความชื้น น้ำ แสงแดด ได้เป็นอย่างดี 

2.สื่อสารข้อมูลให้ผู้บริโภค

ในขั้นตอนของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตสามารถใส่รายละเอียดข้อมูลต่างๆของสินค้า เช่น ส่วนผสม วันที่ผลิต วันหมดอายุ คุณค่าทางโภชนาการ ลงไปในตัวของผลิตภัณฑ์ได้ ยิ่งใส่รายละเอียดข้อมูลของสินค้าได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะเพิ่มการตัดสินใจซื้อสินค้าให้กับลูกค้าได้มากขึ้นเท่านั้น 

ดึงดูดความสนใจของลูกค้า

3.ดึงดูดความสนใจของลูกค้า

การดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าสนใจซื้อสินค้า หลักๆ ก็มาจากการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ถ้าหากว่าบรรจุภัณฑ์มีความน่าสนใจ มีขนาด รูปร่าง วัสดุ ให้มีความเหมาะสม ก็จะสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีการหยิบจับสินค้าขึ้นมาดู ซึ่งก็อาจจะนำไปสู่การซื้อสินค้าในที่สุด

คลิกอ่านเพิ่มเติม: 12 หลักการออกแบบโลโก้ การออกแบบ Logo ให้ดูดี น่าสนใจ และจำได้ง่าย

4.เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า 

ถือว่าเป็นหน้าที่และประโยชน์สูงสุดของบรรจุภัณฑ์เลยก็ว่าได้ เพราะการที่สามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากที่อื่น จะทำให้สินค้าเป็นที่สนใจของลูกค้า เพิ่มความต้องการให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่าย ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มยอดขายและกระตุ้นธุรกิจให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป

5.ส่งเสริมเรื่องของการตลาด

ประโยชน์ของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก ก็คือการส่งเสริมในเรื่องของการตลาด เพราะถ้าหากออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันเหตุการณ์ ทันวันสำคัญ รวมไปถึงทันเทศกาลต่างๆ เช่น วันวาเลนไทน์ วันคริสต์มาส วันแม่ ฯลฯ ก็ยิ่งจะทำให้เพิ่มความน่าสนใจให้กับของบรรจุภัณฑ์และตัวสินค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยเพิ่มความหลากหลายในการสื่อสาร การทำคอนเทนต์ขายของ และโปรโมททางการตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ได้อีกด้วย

ทำไมธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับ การออกแบบบรรจุภัณฑ์

ธุรกิจมากมายในปัจจุบันต่างก็ต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพราะการออกแบบบรรจุภัณฑ์คือ การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพิ่มความแตกต่าง สร้างความชัดเจนให้กับสินค้า ซึ่งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ก็ยังเป็นก้าวแรกที่จะทำให้ธุรกิจจะประสบความสำเร็จ เพราะถ้าสามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์แตกต่างกว่าที่อื่น แต่สามารถสื่อสารหรือบอกรายละเอียดสินค้าให้กับลูกค้าได้ชัดเจน แบรนด์สินค้าก็จะมีความน่าสนใจขึ้น เมื่อสินค้ามีความน่าสนใจ ดึงดูดผู้บริโภคได้ดี ยอดขายสินค้าก็เพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน

บรรจุภัณฑ์ กับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้า

บรรจุภัณฑ์ กับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้า

บรรจุภัณฑ์มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ แพ็คและส่งสินค้าเป็นอย่างมาก เพราะธุรกิจหรือห้างร้านจะสามารถแพ็คสินค้าได้ง่าย ทำได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน เมื่อแพ็คสินค้าได้อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถจัดเก็บสินค้าได้ง่าย ไม่ต้องแยกจัดเก็บทีละชิ้น อีกทั้งเมื่อมีการสั่งสินค้า ธุรกิจก็ยังสามารถหยิบจับสินค้าออกมา เพื่อส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้อย่างสะดวก นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ยังช่วยให้การขนส่งสินค้ามีความสะดวกสบาย ช่วยป้องกันสินค้าไม่ให้ได้รับความรุนแรงหรือการกระแทกในระหว่างขนส่งได้อีกด้วย

โดยจำนวนของบรรจุภัณฑ์จะต้องสัมพันธ์กับจำนวนของสินค้าในสต๊อก ธุรกิจจึงต้องมีการจัดเก็บหรือสต๊อกบรรจุภัณฑ์สินค้าไว้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่น้อยหรือมากจนเกินไป เพื่อประหยัดต้นทุนและพื้นที่ในคลังสินค้า ซึ่งการที่ธุรกิจจะสามารถคาดการณ์และวางแผนได้อย่างแม่นยำ ก็จำเป็นต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลของทั้งจำนวนสินค้าและออเดอร์จากช่องทางต่างๆ ได้อย่างสะดวก เป็นข้อมูลที่มีความถูกต้องและอัปเดตแบบ Real-time ผ่านระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) และระบบจัดการออเดอร์ (OMS)

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้าในที่เดียว หรือระบบ OMS+WMS By Packhai

ราคาค่าบริการ fulfillment

Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น

บรรจุภัณฑ์ (Packaging) ถือได้ว่ามีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เพียงป้องกันและรักษาคุณภาพของสินค้า แต่ยังทำให้แบรนด์สินค้ามีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นแบรนด์สินค้าหรือธุรกิจจึงต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มาก เพราะการออกแบบบรรจุภัณฑ์จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับธุรกิจโดยตรง ซึ่งก็จะมีผลทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จได้

เนื่องจากบรรจุภัณฑ์นั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับการแพ็คสินค้า ซึ่งนอกจากต้นทุนด้านค่าออกแบบและค่าบรรจุภัณฑ์แล้ว ก็ยังมีค่าใช้จ่ายในการแพ็คสินค้า อย่างค่าอุปกรณ์และค่าจ้างพนักงานแพ็คสินค้าด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วต้นทุนการแพ็คจะอยู่ที่ประมาณ 20 – 50 บาทต่อหนึ่งออเดอร์ แต่ปัจจุบันนั้นมีทางเลือกอย่างการใช้บริการเช่าคลังสินค้าออนไลน์ Fulfillment ที่ให้บริการจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้ารวมไว้ในที่เดียว ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนได้กว่าการที่ธุรกิจทำเอง โดยบริการ Fulfillment ของ Packhai นั้นมีค่าใช้จ่ายในการแพ็คเริ่มต้นที่ 10 บาทต่อหนึ่งออเดอร์เท่านั้น

คลิกอ่านเพิ่มเติม : บริการ Fufillment BY Packhai ว่ามีข้อดีที่แตกต่างจากเจ้าอื่นยังไง ?

Packhai ตอบโจทย์ขายของออนไลน์

Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *