Brand ldentity คืออะไร ? สำคัญอย่างไร มีวิธีสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์น่าจดจำยังไงบ้าง

Brand ldentity คืออะไร สำคัญอย่างไร

Brand ldentity คืออะไร ?

Brand ldentity คือ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ หรือ หนึ่งในการสร้างภาพจำของลูกค้าต่อแบรนด์ของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์โดดเด่นและเป็นจุดที่ทำให้ผู้คนจดจำแบรนด์ได้ทันทีที่เห็น หรืออะไรก็ตามที่ลูกค้าสามารถจดจำได้ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ บรรจุภัณฑ์ ฉลาก สโลแกน สี ฟอนต์ ตราสินค้า สัญลักษณ์ น้ำเสียง รูปภาพ ตัวหนังสือ หรือรูปลักษณ์ หรือวิธีที่ใช้ในการโฆษณา

Brand ldentity สำคัญอย่างไร ทำไมธุรกิจถึงต้องมี

Brand ldentity นั้นมีความสำคัญอย่างมากในการเริ่มทำธุรกิจ โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์ตัวเอง เพราะเปรียบเหมือนก้าวแรกขององค์กรหรือธุรกิจแบรนด์ต่างๆ ที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นการสร้างแบรนด์จึงจำเป็นต้องมีจุดเด่นที่ชวนให้คนจดจำถึงแม้จะไม่ได้ตัดสินใจซื้อในทันที แต่อย่างน้อยเมื่อเกิดการจดจำแบรนด์ของคุณไว้แล้ว พอถึงเวลาที่ต้องการซื้อก็สามารถจ่ายเงินได้ทันทีแบบไม่ต้องลังเล

ประเภทของ Brand ldentity

การสร้าง Brand Identity หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีเพื่อสร้างแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

1.Graphic Identity คือ องค์ประกอบของแบรนด์ที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น โลโก้ รูปภาพ ตัวหนังสือ สี ลวดลาย

2.Sensorial Identity คือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ที่คนสามารถรับรู้ได้จากอย่างอื่นที่ไม่ใช่การมองเห็น เช่น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และยังรวมถึงรูปร่างลักษณะ พื้นผิวสัมผัส 

3.Behavioral Identity คือ เอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือ Customer Journey เช่น การออกแบบแอปพลิเคชันในการซื้อสินค้าให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิทัล

4.Functional Identity คือ เอกลักษณ์หรือ Brand Identity ที่เป็นประโยชน์หรือคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ จากการใช้สินค้าหรือบริการของแบรนด์ เพราะสินค้าและบริการนั้นๆ สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด เช่น รองเท้า Fitflop ที่เป็นรองเท้าเพื่อสุขภาพ

องค์ประกอบของ Brand ldentity มีอะไรบ้าง

องค์ประกอบของ Brand ldentity มีอะไรบ้าง

1.ลักษณะแบรนด์ที่ลูกค้าเห็น 

ลักษณะของแบรนด์ คือ เอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มองเห็นได้ ผ่านโลโก้ รูปภาพ ตัวอักษร ไปจนถึงรูปร่าง มีประโยชน์ในการออกแบบสินค้าและบริการของแบรนด์ และเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึง Brand Identity หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าจะพูดถึงและนึกถึงแบรนด์

2.บุคลิกภาพของแบรนด์ 

Brand Identity หรือบุคลิกภาพของแบรนด์เป็นการระบุตัวตนของแบรนด์ ว่าแบรนด์มีบุคลิกภาพเป็นคนอย่างไร เช่น เป็นคนมีความจริงใจ เป็นคนมีความแข็งแรง สิ่งนี้จะทำให้ลูกค้ามองเห็นว่าแบรนด์เป็นอย่างไร และรู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ยิ่งขึ้น

3.มุมมองด้านวัฒนธรรมของแบรนด์ 

การระบุถึงที่มาของแบรนด์ การมี Brand Story และมุมมองด้านวัฒนธรรม จะเป็นสิ่งที่สะท้อนถึง Brand Identity และตัวตนของแบรนด์ ด้วยการสร้างวัฒนธรรมจากภายในองค์กร หรือการนำเอาความเป็นถิ่นกำเนินของแบรนด์หรือสินค้ามาใช้

4.ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า 

เนื่องจากสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังจากแบรนด์ อาจเป็นในแง่ของการปฏิบัติที่นอกเหนือจากการสร้างความพึงพอใจด้วยสินค้าและบริการทั่วไป โดยการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าจะเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันธ์กับแบรนด์ และเป็นอีกช่องทางสำคัญในการสร้าง Brand Identity

5.ฐานลูกค้าของแบรนด์ 

ภาพที่สะท้อนถึงตัวแบรนด์หรือ Brand Identity คือสิ่งที่เชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยลูกค้าจะมองว่าแบรนด์คือใคร แบรนด์เหมาะจะเป็นสินค้าหรือบริการเพื่อคนกลุ่มไหน ซึ่งการที่จะรู้ว่าแบรนด์ในสายตาของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างไรก็ต้องเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ จาก big data เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่วางไว้ได้

6.สิ่งที่ลูกค้ารับรู้จากการใช้แบรนด์ 

Brand Identity และภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ลูกค้ามองตัวเองหรือสิ่งที่ได้หลังจากการใช้สินค้าและบริการของแบรนด์ โดยแบรนด์จำเป็นต้องสร้างภาพจำที่เป็นอัตลักษณ์ให้ลูกค้าเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับตัวตนของกลุ่มลูกค้า

วิธีสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือ Brand ldentity

วิธีสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือ Brand ldentity

1.ศึกษาลูกค้า แบรนด์และคู่แข่ง

อันดับแรกในการสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์หรือ Brand Identity คือ แบรนด์ต้องรู้จักกลุ่มลูกค้าเป้าหมายว่าคือใคร และมีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราหรือไม่ เราต้องรู้คู่แข่งในธุรกิจแบบเดียวกันกับเราหรือคล้ายๆกับเรานั้น เขามีกลยุทธ์ในการทำการตลาดอย่างไร และแบรนด์ของเรามีจุดแข็งอะไรที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษ คือ ลูกค้าเห็นแล้วจะต้องนึกถึงแบรนด์เราเป็นอันดับแรก

การวิเคราะห์ SWOT เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถประเมินสถานการณ์ในธุรกิจของเรา ว่าตอนนี้ธุรกิจของเรามีปัจจัยของสิ่งแวดล้อมภายในและภายนอกที่ส่งผลต่อ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคต่อธุรกิจเราอย่างไร 

2.สื่อสารและนำเสนอเอกลักษณ์ของแบรนด์

การสื่อสาร Brand Identity ออกไปตามสื่อหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะแบรนด์ของเราจะไม่เป็นที่รู้จักเลย ถ้าเราไม่เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะให้คนอื่นได้รับรู้ วิธีที่ดีที่ได้รับความนิยมมากสุดคือ การสร้างคอนเทนต์ให้กับแบรนด์ เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ ที่จะแสดงถึงการแนะนำตัวตนของแบรนด์ การเล่าเรื่องของแบรนด์ และคอยให้ความรู้แก่ผู้คนที่สนใจแบรนด์ของเรา

เมื่อธุรกิจทำการสื่อสาร Brand Identity ไปตามช่องทางต่างๆ แล้ว แน่นอนว่าจะต้องสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ และมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหากธุรกิจมีระบบจัดการออเดอร์ หรือระบบ OMS ที่จะช่วยเก็บข้อมูลและรวบรวมออเดอร์จากทุกช่องทางขาย ก็จะช่วยให้การทำงานเป็นระบบระเบียบ และเพิ่มความสะดวกมากขึ้น รวมถึงยังช่วยลดข้อพลาดจากการคีย์ข้อมูลด้วยพนักงานอีกด้วย

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้าในที่เดียว หรือระบบ OMS+WMS By Packhai

ราคาค่าบริการ fulfillment

Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น

3.สร้างเอกลักษณ์ที่มองเห็นได้

Brand Identity ที่บ่งบอกเอกลักษณ์และบุคลิกภาพของแบรนด์ จำเป็นต้องมีการสร้างเอกลักษณ์ที่มองเห็นได้ด้วย โดยใช้รูปแบบ สี และภาพ เพื่อแสดงความเป็นแบรนด์คุณออกมา เช่น โลโก้แบรนด์ สี หรือตัวอักษรชื่อแบรนด์ ซึ่งแบบ สี และภาพเหล่านั้นจะสัมพันธ์กับโทนหรืออารมณ์ความรู้สึกของแบรนด์ด้วย

4.ไม่ทำสิ่งที่ส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์

สิ่งต่อมาที่ควรทำในการสร้าง Brand Identity ก็คือการหลีกเลี่ยงการกระทำหรือสิ่งที่จะส่งผลกระทบทางลบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ เช่น การไม่ใช้คำหยาบ การเป็นกลาง ไม่โต้ตอบรุนแรงข้อความหรือคอมเมนต์เชิงลบ โดยแบรนด์อาจจะปรับใช้ระดับของภาษาให้เป็นกันเองเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย แต่ยังคงแสดงถึงตัวตนของแบรนด์ นอกจากนั้นต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่เลียนแบบใคร เพราะทุกแบรนด์ล้วนมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง

คลิกอ่านเพิ่มเติม: แนะนำ 8 วิธีตอบแชทลูกค้า สำหรับร้านค้าออนไลน์ ช่วยให้ลูกค้าประทับใจ เพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น

5.ตรวจสอบและติดตามผล

ในการสร้าง Brand Identity ให้ประสบความสำเร็จ ธุรกิจจะต้องตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานด้วย ว่าสิ่งที่เราได้นำเสนอออกไปนั้น มีการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายมากขนาดไหน มีฟีดแบคกลับมาในเชิงบวกหรือเชิงลบ เพื่อให้เราทราบถึงประสิทธิภาพของแบรนด์ในขณะนั้น ว่าควรที่จะปรับปรุงหรือแก้ไขจุดบกพร่องบริเวณไหนบ้าง เพื่อให้แบรนด์ของเราไม่หยุดอยู่กับที่และสามารถที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามยุคตามสมัยและตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน

Brand ldentity คือ สิ่งที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม เพราะนี่คือ วิธีการสร้างแบรนด์ที่ช่วยทำให้ธุรกิจสามารถยืนในจุดที่มีคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันได้อย่างยั่งยืน เพราะช่วยสร้างความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์จนเป็นที่น่าจดจำได้ ถึงแม้จะดูเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก แต่การสร้าง Brand ldentity มีส่วนช่วยพัฒนาแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แตกต่างและสร้างการจดจำให้เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าได้

เมื่อธุรกิจหรือแบรนด์มีเอกลักษณ์ที่โดนเด่น คนจดจำได้แล้ว และมียอดขายที่เพิ่มขึ้น จนต้องจัดเก็บสต๊อกสินค้าเพิ่ม แต่หากจะสร้างคลังสินค้าเก็บเองก็อาจจะต้องใช้เงินทุนสูง และไม่คุ้มค่ามากนัก การเลือกใช้บริการเช่าคลังสินค้าออนไลน์ระบบ Fulfillment จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและตอบโจทย์ธุรกิจยุคนี้มากๆ เพราะ Fulfillment นั้นจะให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การรับฝาก เก็บ แพ็ค ส่ง รวมไว้ในจุดเดียว ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนได้เป็นอย่างดี – อยากรู้ว่า Fufillment BY Packhai ดียังไง? : คลิกที่นี่

ราคาค่าบริการ fulfillment

Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *