การกระจายสินค้า คืออะไร ?
การกระจายสินค้า (Product Distribution) คือ กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายและจัดส่งสินค้าจากผู้ผลิต หรือผู้จัดจำหน่ายไปยังลูกค้า โดยกระบวนการนี้จะมีการจัดการในการจัดเก็บสินค้า และควบคุมการขนส่งสินค้า โดยจะเลือกใช้ช่องทางการจัดส่งที่เหมาะสม เพื่อให้สินค้าถึงมือลูกค้าในเวลาที่กำหนด การกระจายสินค้าจึงถือว่ามีความสำคัญต่อการทำธุรกิจ ทำให้ธุรกิจมีความพร้อมในการบริการลูกค้า ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตและทำกำไรได้ ซึ่งบทความนี้ Packhai ได้รวบรวมองค์ประกอบสำคัญของระบบการกระจายสินค้า พร้อมเทคนิคช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการกระจายสินค้ามาฝากกันค่ะ !
การจัดการกระจายสินค้า มีความสำคัญอย่างไร
การจัดกระจายสินค้าเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจ โดยความสำคัญของการกระจายสินค้า คือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และการจัดเก็บสินค้านั่นเองค่ะ เพราะมีการวางแผนและการจัดทำเส้นทางการขนส่งที่เหมาะสม ส่งผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ค่าพลังงาน ค่าจ้างพนักงานขนส่ง ค่าเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้า นอกจากนี้การจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพในการลดความผิดพลาดที่อาจเกิดในกระบวนการจัดส่ง เช่น การส่งสินค้าผิดพลาด พัสดุตกหล่น สูญหาย หรือสินค้าเสียหายได้เป็นอย่างดี
องค์ประกอบของระบบการกระจายสินค้า มีอะไรบ้าง ?
การทำงานของระบบการกระจายสินค้า จะประกอบไปด้วย 5 องค์ประกอบหลักๆ ดังนี้ค่ะ
1.ทำเลที่ตั้งคลังสินค้าและคลังสินค้า (Inventory Location and Warehousing)
ทำเลที่ตั้งคลังสินค้า เป็นองค์ประกอบของการกระจายสินค้าที่มีความสำคัญ เพราะเป็นตัวกำหนดตำแหน่งและที่ตั้งของคลังสินค้า โดยในการเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้านั้น ควรพิจารณาปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณสินค้าที่ต้องจัดเก็บ ลักษณะและขนาดของสินค้า ความถี่ในการจัดเรียงสินค้า ความสำคัญของสินค้า และความต้องการในการเข้าถึงสินค้า ส่วนคลังสินค้าจะเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ และบริหารจัดการสินค้าในคลังสินค้า ตั้งแต่เข้ารับและจัดเก็บสินค้า ตรวจนับสินค้า จัดเรียงสินค้า การจัดส่งสินค้า และการควบคุมคุณภาพของสินค้าในคลังสินค้า
2.การจัดการวัสดุ (Material Handling)
การจัดการวัสดุจะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายวัสดุ หรือสินค้าในองค์กร โรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการบริการ โดยการจัดการวัสดุนั้นมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การเพิ่มความสะดวกสบายในการเคลื่อนย้ายวัสดุ ลดการสูญเสียหรือการเสื่อมราคา ลดการบังคับใช้แรงงานในการดำเนินการ และลดเวลาที่ใช้ในกระบวนการการผลิต รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในการจัดการวัสดุ
3.การควบคุมสินค้าคงเหลือ (Inventory Control)
การควบคุมสินค้าคงเหลือถือเป็นกระบวนการ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory) ในธุรกิจหรือองค์กร เพื่อให้สามารถรักษาระดับสินค้าคงเหลือในระดับที่เหมาะสม และเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยไม่ส่งผลให้เกิดการเก็บสินค้าคงเหลือในจำนวนที่มากเกินไป จนเกิดสินค้าล้นสต๊อก และไม่ให้สินค้าขาดสต๊อกในเวลาที่ลูกค้าต้องการ
โดยการควบคุมสินค้าคงเหลือ มีความสำคัญในการบริหารจัดการสินค้า และการวางแผนการผลิต เพื่อให้สามารถควบคุมต้นทุนสินค้าคงคลัง ลดการเก็บสินค้าที่ไม่จำเป็น และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจ
4.การดำเนินงานเกี่ยวกับคำสั่งซื้อ (Order Processing)
Order Processing เป็นกระบวนการในการดำเนินงานและประมวลผลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อของลูกค้า เพื่อจัดสินค้าส่งสินค้า หรือการบริการให้กับลูกค้าตามคำสั่งซื้อนั้นๆ โดยกระบวนการนี้ถือเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ เพราะจะช่วยสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า รักษามาตรฐานในการจัดจำหน่าย และยังช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี
5.หน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายสินค้าให้กับลูกค้า
หน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้า อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบทบาทและความรับผิดชอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับรูปแบบที่ใช้ในการขนส่ง เช่น การใช้รถบรรทุกในการขนส่งทางบกภายในประเทศ การขนส่งผ่านทางรถไฟ ในกรณีที่สินค้ามีขนาดใหญ่ และมีปริมาณที่มาก การขนส่งทางเครื่องบินเรือ สำหรับสินค้าที่มีอายุการใช้งาน การขนส่งทางเรือสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก และมีปริมาณที่มาก ไปจนถึงการขนส่งทางท่อ เพื่อส่งของเหลวเช่น น้ำมัน แก๊ส โดยทั้งหมดนี้จะต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลการจัดการสินค้าเพื่อให้ส่งถึงลูกค้าอย่างปลอดภัยตลอดเวลา
10 เทคนิคช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและการกระจายสินค้า
สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและการกระจายสินค้า ธุรกิจสามารถทำได้ด้วย 10 เทคนิคนี้เลยค่ะ
- ใช้ระบบอัตโนมัติ เช่น ระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS) ระบบจัดการการขนส่ง (TMS)
- หันมาใช้ซอฟต์แวร์และอัลกอริทึม เพื่อปรับเส้นทางในการขนส่งที่รวดเร็ว
- ใช้แนวทางจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ และพยากรณ์ความต้องการของลูกค้าไว้แต่เนิ่นๆ
- ส่งสินค้าผ่านศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนสินค้าเข้าและออกจากคลัง
- ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ ผู้ขนส่ง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เพื่อการประสานงานที่ดีขึ้น
- กำหนดและติดตามตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI) เช่น รอบเวลาของใบสั่ง การส่งมอบตรงเวลา
- ประเมินกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและการกระจายสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
- ประสานงานกับผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ในการขนส่ง และด้านโลจิสติกส์อื่นๆ
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มความจุในการบรรทุก และเพิ่มการกระจายสินค้า
- ฝึกอบรมพนักงานที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์และการกระจายสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
จะเห็นได้ว่าการกระจายสินค้า กับการบริหารจัดการคลังสินค้านั้นเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กัน เพราะการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และการขยายตลาด ด้วยการจัดการการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า และผลักดันความสำเร็จของธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการกระจายสินค้าจึงจำเป็นอย่างมากต่อการทำธุรกิจยุคนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ โดยเฉพาะธุรกิจขายสินค้าออนไลน์
ส่วนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไหน ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกระจายสินค้าของตัวเอง ไปจนถึงการจัดเก็บ แพ็ค และส่งสินค้า บริการคลังสินค้าออนไลน์ Fulfillment จาก Packhai ถือได้ว่าตอบโจทย์มากๆ เลยค่ะ เพราะเรามีระบบการจัดการคลังสินค้าที่มีคุณภาพ มีการเลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการจัดเก็บและกระจายสินค้า จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง และการกระจายสินค้าให้กับทุกธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยธุรกิจไม่ต้องคอยจัดการงานหลังบ้านต่างๆ เหล่านี้เอง
อยากรู้ว่าคลังสินค้าออนไลน์ Fulfillment Packhai ดีกว่าเจ้าอื่นยังไง ? : คลิกที่นี่
ทดลองใช้บริการ Fulfillment
Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น
สมัครใช้บริการ คลิกดูค่าบริการติดต่อเรา PACKHAI : Packhai.com/contact
เบอร์โทร : 097-267-9487
เฟสบุ๊ค : Packhaiofficial
อีเมล : cs@packhai.com
ไลน์ : @packhai
ยูทูป : PACKHAI Fulfillment
ติ๊กตอก : @packhai