ข้อมูลลูกค้า (Customer Data) สำคัญอย่างไร ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูล และนำไปใช้ประโยชน์ยังไงได้บ้าง

ข้อมูลลูกค้า (Customer Data) สำคัญอย่างไร

ข้อมูลลูกค้า (Customer Data)

ปัจจุบัน ข้อมูลลูกค้า (Customer Data) กำลังเป็นที่ต้องการของร้านค้าในยุคดิจิตอลเป็นอย่างมาก โดยกลายเป็นสิ่งสามารถเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าธุรกิจไหนมีข้อมูลลูกค้ามาก ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนอื่น พร้อมกันนั้นยังทำให้ได้เปรียบเรื่องการตลาด ส่งผลให้การทำธุรกิจร้านค้าดิจิตอลมีความพร้อมในการบริการลูกค้าและยังทำให้ร้านค้าเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดได้ 

Contents hide

ฐานข้อมูลลูกค้า คืออะไร?

ฐานข้อมูลลูกค้า (Customer Database) คือ ชุดของข้อมูลลูกค้า ที่มีความเชื่อมโยงและมีความสัมพันธ์กับทั้งลูกค้าและร้านค้า ซึ่งข้อมูลทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ในฐานข้อมูลเดียวกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรหรือร้านค้า สำหรับฐานข้อมูลหลักๆของลูกค้าจะประกอบไป ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สินค้าที่ลูกค้าซื้อ ช่องทางการซื้อสินค้า รวมไปถึงโปรโมชั่นต่างๆ

วัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลลูกค้า

สำหรับวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลลูกค้า ก็เพื่อที่จะให้ร้านค้าหรือองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ง่ายและสะดวก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กรและร้านค้า ลดความยุ่งยากในการทำงาน อีกทั้งยังเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อต่อยอดการขาย ต่อยอดธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

แต่ในการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้านั้น ธุรกิจจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของความโปร่งใส มีการบอกวัตถุประสงค์ของการนำข้อมูลไปใช้อย่างชัดเจน และต้องอยู่บนพื้นฐานของการยินยอมให้ข้อมูลของลูกค้าเอง ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ปี 2564 ที่ผ่านมาด้วย

ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้ เมื่อเก็บข้อมูลลูกค้า

ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้ เมื่อเก็บข้อมูลลูกค้า

1.ทำให้ได้รู้พฤติกรรมของลูกค้า

การเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ในฐานข้อมูล จะทำให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า และสามารถหา Customer Insight ได้ ว่าลูกค้ามาซื้อเป็นครั้งแรกหรือมาซื้อซ้ำ สินค้าที่ซื้อไปเป็นสินค้าประเภทไหน ได้รู้ว่าสินค้าใดบ้างที่ลูกค้าชอบซื้อเป็นประจำ ซึ่งการรู้พฤติกรรมของลูกค้าทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้ธุรกิจร้านค้าสามารถจัดจำหน่ายสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการได้อย่างถูกต้อง

2.สามารถระบุและคัดเลือกลูกค้ามุ่งหวังได้ 

ธุรกิจร้านค้าจะสามารถรู้ได้เลยว่าลูกค้ามุ่งหวังเป็นประเภทไหน โดยสามารถทราบได้จากฐานข้อมูลของลูกค้า ซึ่งการสามารถระบุและคัดเลือกลูกค้ามุ่งหวัง ก็จะช่วยให้หาลูกค้ามุ่งหวังได้ชัดเจน ช่วยกำหนดกลยุทธ์ที่จะเปลี่ยนลูกค้ามุ่งหวังให้กลายเป็นลูกค้าของทางร้านค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น 

3.จัดเก็บข้อมูลลูกค้าได้เป็นระบบ

สำหรับร้านค้าที่มีช่องทางการสั่งซื้อสินค้าหลายช่องทาง มักจะเกิดความซับซ้อนในเรื่องของข้อมูลลูกค้า แต่ถ้ามีการเก็บข้อมูลสินค้าจากหลายๆช่องทางไว้ในฐานข้อมูลลูกค้าเพียงที่เดียว ก็จะทำให้หาข้อมูลของลูกค้าเจอ ซึ่งเมื่อหาข้อมูลลูกค้าได้ง่าย ก็จะทำให้สามารถจัดส่งสินค้าหรือดำเนินการในเรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น 

4.ช่วยเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาด 

นับว่าเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจากการเก็บข้อมูลลูกค้าโดยตรง แล้วแต่จะทำให้สามารถลดการสูญเสียและเพิ่มผลผลิต ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มปริมาณการขาย ช่วยเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาด อีกทั้งยังช่วยพัฒนากลยุทธ์การตลาด และการสร้างคอนเทนต์ขายของที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ด้วย 

5.ช่วยให้ธุรกิจอื่นๆ ติดต่อกับกลุ่มลูกค้าได้ 

ธุรกิจร้านค้าที่ทำหลายอย่างสามารถติดต่อกับลูกค้าที่มีอยู่ในฐานข้อมูล ที่คิดว่ากลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มที่สนใจซื้อสินค้าได้ ซึ่งก็จะทำให้สามารถกระตุ้นกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้า อีกทั้งยังช่วยให้การพัฒนาการส่งเสริมการตลาดเป็นไปอย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งธุรกิจและลูกค้า 

ข้อมูลลูกค้า แบ่งเป็นกี่ประเภท

ข้อมูลลูกค้า แบ่งเป็นกี่ประเภท

ประเภทข้อมูลลูกค้าถือว่าเป็นส่วนสำคัญของฐานข้อมูล โดยข้อมูลลูกค้าจะถูกแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1.ข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับข้อมูลส่วนบุคคล จะถูกแบ่งแยกย่อยออกเป็นอีก 2 กลุ่ม นั่นก็คือกลุ่มของข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถยืนยันตัวตนได้และข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถยืนยันตัวตนได้ก็จะมีตั้งแต่ ชื่อ, ที่อยู่จริง, Email address, ข้อมูลเข้าระบบ, เลขใบขับขี่, เลขพาสปอร์ต, เลขบัตรเครดิต, วันเดือนปีเกิด หรือเบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น ส่วนข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ จะมีเช่นเลข IP, Cookies หรือเลข Device IDs เป็นต้น 

2.ข้อมูลการมีส่วนร่วม

ข้อมูลการมีส่วนร่วมจะมีข้อมูลเยอะกว่าประเภทอื่นๆ เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก โดยจะมีการเก็บข้อมูลการมีส่วนร่วมของลูกค้าไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของลูกค้า การเข้าถึงสินค้า การเลือกซื้อสินค้า ความถี่ของการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งข้อมูลทั้งหมดก็จะทำให้ร้านค้าได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้เป็นอย่างมาก 

3.ข้อมูลเชิงคุณภาพ

ข้อมูลประเภทนี้จะเป็นการรายงานถึงส่วนดีและไม่ดีของธุรกิจ เป็นข้อมูลที่สามารถแสดงได้ทั้งความพึงพอใจของลูกค้า การแสดงความรู้สึกของลูกค้า ความชอบต่อสินค้า รวมไปถึงเงื่อนไขในการซื้อสินค้า 

ข้อมูลลูกค้า สามารถเก็บจากไหนได้บ้าง

ข้อมูลลูกค้า สามารถเก็บจากไหนได้บ้าง

การเก็บข้อมูลลูกค้าในปัจจุบัน ไม่ได้มีการเก็บจากการจดจำและการจดบันทึกเหมือนกับเมื่อก่อน โดยสามารถเก็บได้จากหลายช่องทาง ดังนี้

1.ระบบสะสมแต้มหรือระบบ CRM

สำหรับระบบสะสมแต้ม หรือระบบ CRM นั้นเป็นระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ที่มีการต่อยอดมาจากการจดจำและการจดบันทึกลงในสมุด นอกจากลูกค้าจะได้ประโยชน์จากการสะสมแต้มแล้ว ทางธุรกิจร้านค้าก็ยังได้ประโยชน์จากการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าไปในตัวด้วย

คลิกอ่านเพิ่มเติม: การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า คืออะไร มีวิธียังไงบ้าง ให้ลูกค้าประทับใจและซื้อซ้ำ

2.การกรอกฟอร์มหรือแบบสอบถาม

การให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มหรือแบบสอบถามถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีเก็บข้อมูลลูกค้าที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก มีทั้งลายลักษณ์อักษรและรายละเอียดข้อมูลของลูกค้าอย่างชัดเจน ถ้าหากว่าในแบบฟอร์มมีการสอบถามความชอบของลูกค้า ยิ่งจะทำให้ร้านค้าได้ประโยชน์ในการเก็บข้อมูล

3.ข้อมูลการใช้งานบนแพลตฟอร์มออนไลน์

แพลตฟอร์มขายของออนไลน์เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเก็บข้อมูลลูกค้าออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายมากๆ เพราะในปัจจุบันผู้คนเข้าใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นจำนวนมาก จึงทำให้การเก็บข้อมูลลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ค่อนข้างได้รับความนิยม

4.ประวัติการซื้อสินค้า

ออเดอร์สินค้าหรือการสั่งซื้อสินค้าในทุกๆ ครั้ง แน่นอนว่าจะต้องมีการเก็บข้อมูลบางส่วนของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ก็จะถูกเก็บบันทึกเป็นประวัติการซื้อสินค้าในระบบฐานข้อมูลของร้านค้า เช่น เครื่อง POS หรือเครื่อง EDC สำหรับการรับชำระเงิน ธุรกิจร้านค้าจึงสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าจากประวัติการซื้อสินค้าได้นั่นเอง

ซึ่งการที่ธุรกิจจะสามารถจัดเก็บข้อมูลจากประวัติการซื้อสินค้าของลูกค้าได้นั้น จำเป็นจะต้องมีระบบจัดการออเดอร์ (OMS) ที่จะคอยรวบรวมออเดอร์ และจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าจากทุกๆ ช่องทางขายของธุรกิจ มาจัดเก็บอย่างเป็นระบบ และนำมาแสดงผลให้ง่ายต่อการนำไปใช้งาน นอกจากนี้การมีระบบจัดการออเดอร์ ก็ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และลดข้อผิดพลาดอย่างการจดข้อมูลผิด หรือออเดอร์ตกหล่น ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการคีย์ข้อมูลด้วยคนอีกด้วย

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้าในที่เดียว หรือระบบ OMS+WMS By Packhai

การนำฐานข้อมูลลูกค้าไปใช้งาน

การนำฐานข้อมูลลูกค้าไปใช้งาน

สำหรับคนที่ทำธุรกิจสามารถนำฐานข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ โดยสามารถนำไปใช้วิเคราะห์ความชอบของลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลของธุรกิจ วิเคราะห์และคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าจะเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดี นอกจากนี้ยังสามารถนำฐานข้อมูลลูกค้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเพิ่มผลลัพธ์ในการทำธุรกิจได้อย่างมากมายมหาศาล

ข้อมูลลูกค้า (Customer Data) และการมีฐานข้อมูลลูกค้า ถือว่ามีความจำเป็นต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะการเก็บข้อมูลลูกค้าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้ โดยหากธุรกิจนำฐานข้อมูลลูกค้าไปใช้ใช้วิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ ก็ยิ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

แม้ว่าข้อมูลของลูกค้าจะมีความสำคัญมากๆ แต่ข้อมูลของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นจำนวน วันหมดอายุ ตำแหน่งที่จัดเก็บในคลัง รวมถึงสถานะการจัดส่งสินค้า ก็มีความสำคัญกับธุรกิจไม่แพ้กัน ดังนั้นแล้วธุรกิจที่มีคลังสินค้าของตัวเอง จึงจำเป็นต้องมีการวางระบบจัดการคลังสินค้าหรือระบบ WMS ด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้า ส่วนธุรกิจที่ไม่ได้มีคลังจัดเก็บสินค้าของตัวเอง การมองหาคลังสินค้าให้เช่าที่มาพร้อมระบบ WMS อย่างคลังสินค้าออนไลน์แบบ Fulfillment ก็เป็นตัวเลือกที่น่าใจไม่น้อยเช่นกัน – อยากรู้ว่า Fufillment BY Packhai ดียังไง? : คลิกที่นี่

ราคาค่าบริการ fulfillment

Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *