รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) คืออะไร? แบ่งเป็นกี่ประเภท มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ทำไมถึงต้องมีในคลังสินค้า

รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) คืออะไร

รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift)

รถโฟล์คลิฟท์ สำหรับคนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูและไม่ค่อยรู้จักมากนัก เนื่องจากไม่ใช่รถที่ใช้ในการเดินทาง แต่เป็นอุปกรณ์ในคลังสินค้าที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านอุตสาหกรรม ซึ่งเราก็มักจะเห็นรถโฟล์คลิฟท์กันอยู่บ่อยๆตามห้างสรรพสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ นั่นเป็นเพราะว่ารถโฟล์คลิฟท์มีบทบาทสำคัญในคลังสินค้า ทำให้ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ต่างต้องมีการใช้รถโฟล์คลิฟท์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับคลังสินค้าด้วยกันทั้งนั้น

รถโฟล์คลิฟท์ คืออะไร ?

รถโฟล์คลิฟท์ หรือ Forklift คือ รถที่ใช้ยกและขนย้ายสินค้า เป็นรถที่มีรูปร่างแปลกตา ไม่เหมือนกับรถทั่วไป เพราะมีงายื่นออกมาจากตัวรถ โดยงาที่ยื่นออกมาจะใช้สำหรับการยกและขนย้ายสินค้า แม้ว่ารถโฟล์คลิฟท์จะมีรูปร่างแปลกตา แต่ประโยชน์ที่คลังสินค้าจะได้รับกลับมีมากมายต่อการจัดการสต๊อกสินค้า โดยรถโฟล์คลิฟท์จากช่วยให้เกิดความปลอดภัยในระหว่างทำงาน ช่วยป้องกันอันตรายต่อผู้ขับ อีกทั้งยังป้องกันสินค้าเกิดความเสียหายในระหว่างการเคลื่อนย้ายสินค้าได้อีกด้วย

คลิกอ่านเพิ่มเติม: การจัดการคลังสินค้าด้วยระบบบาร์โค้ด คืออะไร? มีประโยชน์ต่อการบริหารคลังสินค้าอย่างไร

ส่วนประกอบรถโฟล์คลิฟท์ มีอะไรบ้าง

1.โครงรถโฟล์คลิฟท์ 

โครงรถคือส่วนประกอบหลักของรถโฟล์คลิฟท์ โดยโครงรถจะมีความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังเป็นส่วนที่จะมีการติดล้อ น้ำหนักถ่วง เสายก งา รวมไปถึงส่วนอื่นๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรถโฟล์คลิฟท์แบบไหนก็ต้องมีโครงรถที่แข็งแรงทนทานเพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับส่วนต่างๆ 

2.ถ่วงน้ำหนัก 

ถ่วงน้ำหนักหรือ Counterweight จะถูกติดอยู่ที่ส่วนท้ายและส่วนล่างของรถยก ใช้ถ่วงน้ำหนักตอนที่รถโฟล์คลิฟท์ยกสินค้าหรือสิ่งของที่มีน้ำหนักมากขึ้นมา วัตถุประสงค์ก็เพื่อป้องกันรถโฟล์คลิฟท์พลิกคว่ำไปด้านหน้า 

3.แหล่งพลังงาน

แหล่งพลังงานของรถโฟล์คลิฟท์ในปัจจุบันจะแบ่งตามการขับเคลื่อน ถ้าเป็นรถโฟล์คลิฟท์ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาป จะใช้น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม CNG ในการขับเคลื่อนซึ่งก็จะคล้ายกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ ส่วนรถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้ไฟฟ้าก็จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งก็จะทำให้ไม่เกิดมลพิษ อีกทั้งยังทำให้มีที่เสียงเงียบมากกว่ารถโฟล์คลิฟท์เครื่องยนต์สันดาปเป็นอย่างมาก 

4.งาของรถ Forklift

งา คือส่วนประกอบที่สำคัญเป็นอย่างมากในรถโฟล์คลิฟท์ เพราะงาคือส่วนที่จะเอาไว้ใช้ในการหยิบสินค้าและยกสินค้า โดยส่วนใหญ่แล้วงาจะเป็นโลหะที่มีความแข็งแรงทนทาน สามารถรองรับสิ่งของที่มีน้ำหนักมากได้

5.เสายกรถโฟล์คลิฟท์

เสายกถือว่าเป็นส่วนประกอบหลักของรถโฟล์คลิฟท์ โดยเสายกจะมีการติดตั้งเป็นแบบแนวตั้ง มีการเชื่อมต่อกับแผงงาและงา ทำให้รถโฟล์คลิฟท์สามารถยกสินค้าขึ้นลงได้อย่างง่ายดาย 

ประเภทของรถ Forklift

ประเภทของรถ Forklift

1.รถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้เครื่องยนต์

รถโฟล์คลิฟท์ชนิดที่ใช้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพการทำงานสูง ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรงทนทาน สามารถทำงานกลางแจ้งได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งรถโฟล์คลิฟท์แบบที่ใช้เครื่องยนต์ก็จะมีทั้งแบบที่ใช้น้ำมันดีเซลและแบบที่ใช้น้ำมันเบนซิน โดยแบบที่ใช้น้ำมันดีเซลจะมีกำลังมาก เหมาะสำหรับการทำงานอย่างหนัก ส่วนแบบที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือแอลจีพี จะเป็นโฟล์คลิฟท์แบบที่ประหยัดต้นทุนมากกว่ารถโฟล์คลิฟท์แบบที่ใช้น้ำมันดีเซล นอกจากนี้ยังมีมลพิษน้อยกว่ามาก 

2.รถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าจะเป็นรถประเภทที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ทำให้สามารถดูแลรักษาง่าย ปราศจากมลพิษ มีเสียงเงียบมากกว่ารถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้เครื่องยนต์ ซึ่งในปัจจุบันรถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าก็มีทั้งแบบประเภทนั่งขับและประเภทที่ใช้กับคลังสินค้า 

โดยประเภทนั่งขับมีตั้งแต่ชนิดขับเคลื่อน 3 ล้อไปจนถึงชนิดขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนรถโฟล์คลิฟท์พลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับคลังสินค้าก็จะมีทั้งแบบยืนขับและแบบนั่งขับเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้สามารถวิ่งเข้าไปในที่แคบหรือบริเวณพื้นที่จำกัด เพื่อทำการจัดเก็บสินค้าหรือขนย้ายสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย 

การใช้งานรถยกโฟล์คลิฟท์ในคลังสินค้า (Warehouse)

หน้าที่หลักๆ ของรถโฟล์คลิฟท์ในคลังสินค้า คือ ใช้สำหรับยกและเคลื่อนย้ายสินค้าหรือพาเลทสินค้า ไปจัดเก็บบนชั้นวางสินค้าในคลังสินค้าหรือนำออกมาจัดส่งให้กับลูกค้า ซึ่งเหตุผลที่ต้องมีการใช้รถโฟล์คลิฟท์ยกของ ก็เพราะพนักงานไม่สามารถที่จะยกสินค้าที่มีน้ำหนักมากไปจัดเก็บได้ จึงต้องมีการใช้รถโฟล์คลิฟท์เพื่อช่วยในการยกและนำสินค้าไปจัดเก็บ รวมถึงเคลื่อนย้ายเพื่อทำการจัดส่งสินค้าแทนการใช้แรงงานคน ซึ่งทำให้ทุ่นแรงงานคน ลดการจ้างแรงงาน และประหยัดเวลาการทำงาน

โดยในปัจจุบันคลังสินค้าสมัยใหม่หลายแห่ง ได้มีการนำเอาระบบจัดการคลังสินค้าหรือระบบ WMS (Warehouse Management System) เข้ามาใช้บริหารจัดการและเชื่อมต่อข้อมูลของงานต่างๆ ในคลังสินค้าให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การรู้ตำแหน่งและจำนวนสินค้าที่แน่ชัด ก็จะช่วยให้สามารถคำนวณจำนวนรถโฟล์คลิฟท์ที่ต้องใช้ได้ ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งรถไปกลับหลายๆ รอบ เป็นต้น นอกจากนี้ระบบคลังสินค้าก็ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบจัดการออเดอร์ (OMS) ของธุรกิจได้อีกด้วย

คลิกอ่านเพิ่มเติม : ระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้าในที่เดียว หรือระบบ OMS+WMS By Packhai

ราคาค่าบริการ fulfillment

Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น

ข้อดีของการใช้รถโฟล์คลิฟท์ในคลังสินค้า

การใช้รถโฟล์คลิฟท์ ไม่ว่าจะใช้กับคลังสินค้าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็เกิดผลดีต่อคลังสินค้าด้วยกันทั้งสิ้น โดยข้อดีของการใช้รถโฟล์คลิฟท์ในคลังสินค้า มีดังนี้

1.ใช้งานได้มากกว่าแรงงานคน เพราะรถโฟล์คลิฟท์คือยานต์ที่สามารถทำงานได้ยาวนานหลายชั่วโมงหรือตลอดทั้งวัน จึงทำงานได้มากกว่าคนหลายเท่า อีกทั้งยังสามารถยกของที่หนักกว่าที่คนจะสามารถยกได้อีกด้วย

2.ลดต้นทุนในการจ้างแรงงานคน เพราะการใช้รถโฟล์คลิฟท์เพียงแค่คันเดียวก็สามารถทำงานได้เทียบเท่ากับคนจำนวนมาก ดังนั้นการใช้รถโฟล์คลิฟท์จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานคนลงไปได้มาก 

3.มีความปลอดภัย ลดอันตรายจากการทำงาน โดยการใช้รถโฟล์คลิฟท์ในคลังสินค้าจะทำให้เกิดความปลอดภัยในระหว่างการทำงาน นอกจากนี้ยังทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุจากการยกสินค้าที่หนักได้ด้วย 

4.เกิดความก้าวหน้าในการทำธุรกิจ เพราะการใช้รถโฟล์คลิฟท์ในคลังสินค้า จะทำให้สามารถจัดเก็บ ขนย้ายและจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อเกิดประสิทธิภาพในคลังสินค้าแบบนี้ ก็จะทำให้ธุรกิจเติบโตและก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) ถือเป็นรถยกสินค้าที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อคลังสินค้า ถ้าหากว่าธุรกิจไหนมีรถโฟล์คลิฟท์ไว้ใช้งาน ก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้สามารถยกหรือเคลื่อนย้ายสินค้าได้อย่างสะดวก ช่วยลดต้นทุน ลดปัญหาการจัดเก็บสินค้า ดังนั้นโรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้าหรือห้างสรรพสินค้า จึงจำเป็นต้องมีรถโฟล์คลิฟท์ไว้ใช้งาน 

แต่ถึงอย่างนั้นรถโฟล์คลิฟท์เองก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง การจะลงทุนซื้อเพื่อมาใช้ในคลังสินค้า จึงอาจจะไม่ตอบโจทย์และไม่คุ้มกับธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยุคนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้บริการเช่าคลังสินค้ากันมากกว่า โดยเฉพาะคลังสินค้าออนไลน์ระบบ Fulfillment เพราะนอกจากจะให้บริการรับฝาก จัดเก็บสินค้าแล้ว ก็ยังมาพร้อมกับบริการแพ็คและจัดส่งสินค้าอย่างครบวงจร ทำให้ธุรกิจไม่ต้องจัดการงานต่างๆ ทั้งหมดเอง รวมถึงไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือในคลังสินค้า จึงช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนได้

คลิกอ่านเพิ่มเติม : บริการ Fufillment BY Packhai ว่ามีข้อดีที่แตกต่างจากเจ้าอื่นยังไง ?

Packhai ตอบโจทย์ขายของออนไลน์

Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *