การทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน บอกเลยว่าเต็มไปด้วยการแข่งขันที่สูงมากๆ ธุรกิจต้องมีกลยุทธ์การขายที่ดี รวมถึงมีกระบวนการทำงานที่ดี มีระบบหลังบ้านที่ดี เพื่อให้การขายราบรื่น ต่อเนื่อง มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องมีระบบการจัดการคลังสินค้าที่ดี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ แนวคิด การจัดการสินค้าคงคลังแบบ Just in Time กลายเป็นแนวทางในการดำเนินงานที่หลายๆธุรกิจใช้ หลักการคือ ผลิตตามความต้องการ ลดของเสีย และปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง
Just in Time หมายถึง?
การผลิตแบบ JIT คือ แนวคิดการผลิตสินค้าตามความต้องการ สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ จะถูกผลิตขึ้นหรือมีการจัดซื้อเฉพาะความต้องการจริงๆ เพื่อลดการจัดเก็บสินค้าคงคลังที่เกิดความจำเป็น ลดของเสีย หรือลดการสูญเสียจากสินค้าที่ล้าสมัย หรือลดโอกาสที่สินค้าจะได้รับความเสียหาย แนวคิด JIT มุ่งเน้นให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาในการผลิต โดยแนวคิดนี้มีต้นแบบมาจากประเทศญี่ปุ่น ในทศวรรษที่ 1950-1970 Just in Time ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆคือ บริษัทโตโยต้า ที่ได้นำแนวคิดนี้มาใช้ จนกลายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายอุตสาหกรรม
ความสำคัญของการจัดการแบบ JIT (Just in Time)
แนวคิด JIT (Just in Time) มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการทำธุรกิจในยุคนี้ ช่วยประหยัดต้นทุน ค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้ประกอบการณ์มีกระแสเงินสดที่ดีขึ้น นำเงินทุนมาใช้จ่ายหมุนเวียนในธุรกิจได้มากขึ้น ลดปัญหาในกระบวนการผลิตโดยอาศัยความต้องการสินค้า หรือมีการคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า แนวคิดช่วยให้การดำเนินงานในการผลิตและการบริการ มีค่าใช้จ่ายลดลง กำจัดสิ่งไม่จำเป็นออกไป หัวใจสำคัญคือต้อง มีการคาดการณ์ความต้องการที่แม่นยำ โดยอาศัยข้อมูล เช่น ระบบสต๊อกสินค้า ข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าย้อนหลัง เป็นต้น
กลยุทธ์ของ Just in Time มีกี่แบบ
แนวคิด JIT แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบดึงและแบบผลัก สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานให้อยู่ภายใต้แนวคิดนี้ ต้องศึกษาทำความเข้าใจ เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานของธุรกิจตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.แบบดึง
การผลิตแบบ Just in Time ในรูปแบบดึง เป็นการผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า มีการวางแผนจัดการ กระบวนการผลิต กำหนดปริมาณในการผลิต ระยะเวลาในการดำเนินงาน ต้นทุนการดำเนินงาน การถ่ายทอดสินค้าหรือการกระจายสินค้าไปสู่ตลาด ให้พอดีกับความต้องการที่เกิดขึ้น
2.แบบผลัก
ระบบการผลิตแบบ Just in Time ในรูปแบบผลัก สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตออกมา ได้มาจากการพยากรณ์หรือการคาดการณ์ ความต้องการของลูกค้า ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยทำการคาดคะเนจาก วัสดุคงคลังอยู่ในระดับน้อยที่สุด หรือเป็นศูนย์ ระยะเวลารอคอยกระบวนการผลิต ลดให้เหลือน้อยสุด หรือการกำจัดของเสียที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการผลิต หรือการขจัดการสูญเปล่าในการผลิต เช่น การผลิตมากเกินไป การรอคอย การขนส่งเกิดความจำเป็น การเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น มีสินค้าคงคลังมากไป การผลิตสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
ประโยชน์ที่ได้จากการจัดการแบบทันเวลา
- ระบบการผลิตแบบทันเวลา ช่วยประหยัดต้นทุนในการจัดเก็บสินค้า เช่น ค่าเช่าคลังสินค้า ค่าบำรุงรักษา ค่าแรงงานในการตัดสต๊อกสินค้า เป็นต้น
- ตอบสนองความต้องการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว แม่นยำ ลดเวลาในการส่งสินค้า สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
- การบริหารจัดการมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ธุรกิจมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด
- ธุรกิจสามารถตรวจสอบและทำการปรับปรุงกระบวนการทำงานได้ต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้น
การประยุกต์ใช้ JIT ในระบบ Fulfillment
ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี Just in Time สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หลายธุรกิจ หลายกระบวนการในการทำงาน อย่างการนำมาปรับใช้ในระบบ Fulfillment เป็นระบบคลังสินค้าออนไลน์ การใช้ AI และ Machine Learning วิเคราะห์พฤติกรรมหรือแนวโน้มความต้องการของลูกค้า การจัดการซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพ การประสานงานระหว่างผู้ผลิต supplier และผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ต้องมีความแม่นยำ เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการ การใช้เทคโนโลยีติดตาม สินค้าคงคลัง เช่น เทคโนโลยี RFID, IoT และการจัดการสต๊อกแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ติดตามสถานะสินค้าคงคลังได้แม่นยำ
กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพในการนำระบบ JIT มาใช้ในบริการ Fulfillment
อย่างไรก็ตาม การใช้ JIT ในระบบบริการ Fulfillment มีความท้าทายหลายอย่าง ทั้งความเสี่ยงในการขาดสินค้า หากคาดการณ์ไม่แม่นยำ อาจทำให้สินค้าขาดตลาด หรือส่งของล่าช้า มีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าได้ การใช้ JIT ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่าง ซัพพลายเออร์และธุรกิจ ถ้าซัพพลายเออร์ส่งของไม่ตรงเวลา ทำให้มีผลกระทบตามมาได้ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ติดตาม คาดการณ์ความต้องการ อาจต้องใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้น การใช้ JIT ต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด รวมถึงต้องวางแผนจัดการความเสี่ยง เช่น เตรียมแผนสำรองหากเกิดปัญหาในการจัดหาสินค้า เป็นต้น
ทดลองใช้บริการ Fulfillment
Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น
สมัครใช้บริการ คลิกดูค่าบริการการนำระบบทันเวลาพอดี หรือ JIT มาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพในระบบ Fulfillment ต้องมีการเทรนพนักงานให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ลงทุนในเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การนำระบบ ERP, TMS หรือ WMS มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่าละเลยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีงามกับซัพพลายเออร์ การใช้ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ที่ได้จากการติดตามและคาดการณ์ความต้องการ ช่วยให้การตัดสินใจแม่นยำมากขึ้น อย่าง Packhai เราคือผู้ให้บริการ Fulfillment มืออาชีพ รวมทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พนักงานมากประสบการณ์ผ่านการเทรนมาเป็นอย่างดี ไว้ซัพพอร์ต ช่วยผลักดันให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จ เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากให้บริการ เก็บ แพ็ค จัดส่งแล้ว ยังช่วยจัดหาสินค้ามาให้สำหรับคนที่อยากขาย แต่ไม่มีไอเดีย หรือมีทุน มีไอเดียแต่ไม่รู้จะหาสินค้ามาจากไหน เราช่วยดีลกับซัพพลายเออร์ วางแผนการสั่งซื้อ มีระบบหลังบ้านให้คุณนำข้อมูลไปวิเคราะห์วางแผน จัดการสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดต่อเรา PACKHAI : Packhai.com/contact
เบอร์โทร : 097-267-9487
เฟสบุ๊ค : Packhaiofficial
อีเมล : cs@packhai.com
ไลน์ : @packhai
ยูทูป : PACKHAI Fulfillment
ติ๊กตอก : @packhai