การตลาดแบบปากต่อปาก
ปัจจุบัน การตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) ถือเป็นกลยุทธ์การทำการตลาดรูปแบบหนึ่งที่มีการใช้กันมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นหลักการตลาดที่มีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ ว่าเมื่อเจอสิ่งที่ดีก็มักอยากที่จะแนะนำและบอกต่อ ซึ่งในปัจจุบันที่การทำธุรกิจส่วนใหญ่อยู่บนแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ การตลาดแบบปากต่อปากก็ยังคงมีบทบาทสำคัญมากๆ เช่นเดียวกัน
เพียงแค่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบจากการพูดบอกต่อกัน กลายมาเป็นการโพสต์หรือแชร์ข้อความต่อๆ กันนั่นเอง และที่สำคัญคือการบอกต่อบนโลกออนไลน์นั้นมีความรวดเร็ว สามารถเข้าถึงผู้คนได้จำนวนมากในเวลาเดียวกัน ดังนั้นการเข้าใจถึงธรรมชาติและหลักของการพูดปากต่อปาก จึงสำคัญมากๆ ต่อการทำการตลาดในยุคนี้
การตลาดแบบปากต่อปาก คืออะไร
การตลาดแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth Marketing คือ การทำการตลาดที่ใช้แนวทางการทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือใช้บริการของธุรกิจ แล้วรู้สึกดี รู้สึกคุ้มค่า และเกิดความประทับใจจนต้องมีการบอกต่อให้กับคนรอบข้าง ซึ่งหากเกิดการบอกต่อกันเรื่อยๆ ก็จะทำให้มีคนพูดถึงและรู้จักแบรนด์ของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ทำการตลาดให้คนรู้จัก โดยที่ธุรกิจแทบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลยซักบาท
ประโยชน์ของการทำการตลาดแบบปากต่อปาก มีอะไรบ้าง
1.ช่วยลดต้นทุนค่าโฆษณา
สำหรับข้อดีของการทำการตลาดปากต่อปากที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด ก็คือไม่ต้องเสียเงินในการจ่ายค่าโฆษณาเหมือนการทำการตลาดรูปแบบอื่น เช่น การทำ Influencer Marketing หรือการทำ Email Marketing ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีและตอบโจทย์สุดๆ เนื่องจากการทำการตลาดแบบปากต่อปาก จะทำให้สินค้าจากร้านของคุณถูกบอกต่อไปเรื่อยๆ ทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์
คลิกอ่านเพิ่มเติม: 5 วิธีลดต้นทุนการยิง Ads Facebook ที่คนขายของออนไลน์ควรรู้
2.แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
การทำการตลาดแบบปากต่อปาก จะช่วยทำให้แบนรด์สินค้าหรือธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือมากเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อสินค้าของเรามีคุณภาพ ใช้ดีและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า จนมีการบอกต่อกัน ลูกค้าก็จะมีความมั่นใจในแบรนด์สินค้าของคุณมากขึ้นด้วยเช่นกัน
3.ช่วยขยายฐานลูกค้า
การทำการตลาดแบบปากต่อปาก แน่นอนว่าข้อดีก็คือสามารถช่วยขยายฐานลูกค้าได้จำนวนมาก เนื่องจากมีการบอกต่อๆ กันทำให้ร้านมีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น และส่งผลดีต่อยอดขายสินค้า ซึ่งเรียกได้ว่าสามารถทำให้ธุรกิจเล็กๆ สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเลยก็ว่าได้
คลิกอ่านเพิ่มเติม: แนะนำ 15 วิธีเพิ่มยอดขาย วิธีกระตุ้นยอดขายให้ปัง หากอยากเพิ่มยอดขาย ทำตามนี้เห็นผลแน่นอน
4.ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
เนื่องจากการทำการตลาดปากต่อปาก เป็นเทคนิคการตลาดที่ใช้การบอกต่อกันของลูกค้าให้เกิดประโยชน์ ซึ่งการบอกต่อจากเพื่อนหรือคนที่สนิท นั้นจะมีความน่าเชื่อถือและเกิดการคล้อยตามได้ง่าย ส่งผลทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
ซึ่งในการรับมือกับคำสั่งซื้อหรือออเดอร์ที่อาจมีจำนวนมากขึ้น หลังจากธุรกิจเริ่มเป็นที่รู้จักและถูดพูดถึง ธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่มักใช้งานระบบ OMS (Order Management System) หรือระบบจัดการออเดอร์ ร่วมกับระบบจัดการคลังสินค้าหรือ WMS (Warehouse Management System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตั้งแต่การรวมออเดอร์จากทุกช่องทางขาย ตัดสต๊อกอัตโนมัติ และทำการส่งต่อข้อมูลไปยังคลังสินค้า เพื่อทำการหยิบสินค้าตามแต่ละออเดอร์ แพ็คและจัดส่งสินค้า ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา และลดต้นทุนให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี
คลิกอ่านเพิ่มเติม :ระบบ OMS+WMS By Packhai หรือระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้าในที่เดียว
5 แนวทางการทำการตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth)
1.กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
การทำการตลาดแบบปากต่อปาก สิ่งที่จะต้องอยู่คู่กันก็คือ กลุ่มเป้าหมาย และ Infiuencer หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่ากลุ่มคนที่มีอิทธิพลในการคิดและตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย ที่อาจเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อเป็นการสื่อสารผ่านแนวคิดของบุคคลที่ 3 ของการทำการตลาดแบบปากต่อปากนั่นเอง
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
- KOL คืออะไร? มีข้อดีที่ต่างจาก Influencer ยังไงบ้าง ทำการตลาดอย่างไรดี ให้ประสบความสำเร็จ!
- 7 วิธีในการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ ช่วยเพิ่มยอดขาย สำหรับธุรกิจออนไลน์
2.การเข้าถึงอารมณ์ของคน
สำหรับแนวทางในการทำการตลาดแบบปากต่อปาก การเข้าถึงอารมณ์ถึงคนถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อคนเราเห็นเพื่อน หรือคนสนิทซื้อสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งแล้วบอกว่าดี ก็จะทำให้เราเกิดความต้องการอยากจะซื้อตามนั่นเอง
3.เปิดโอกาสในการแสดงความคิดเห็น
ในการทำการตลาดแบบปากต่อปาก ธุรกิจจะต้องไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้า รวมถึงต้องทำให้ร้านของคุณสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากที่สุด เนื่องจากคำแนะนำที่ลูกค้าแสดงความคิดเห็น จะช่วยทำให้เกิดการบอกต่อได้ง่ายมากขึ้น
4.มีส่วนร่วมกับคนจำนวนมาก
สำหรับการมีส่วนร่วมกับคนหมู่มากนั้น ถือเป็นแนวทางการทำการตลาดแบบปากต่อปากที่สำคัญอย่างมาก เพราะเมื่อธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณมีการจัดกิจกรรมทางการตลาด และสามารถทำให้คนจำนวนมีส่วนร่วมได้ ผู้คนก็จะสามารถจดจำแบรนด์และพูดถึงสินค้าของคุณมากขึ้น
คลิกอ่านเพิ่มเติม: การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า คืออะไร มีวิธียังไงบ้าง ให้ลูกค้าประทับใจและซื้อซ้ำ
5.พนักงานภายในมีความสำคัญ
เนื่องจากพนักงานหรือบุคคลภายในเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างมาก การที่ให้บุคคลเหล่านี้มีการทดลองใช้งานสินค้า เพื่อให้มีความคิดเห็นส่วนตัว ก็จะสามารถทำรีวิวการใช้งานให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุด ก็จะช่วยทำให้รู้สึกประทับใจและคล้อยตามได้ดียิ่งขึ้น
ปัจจัยที่มีผลต่อการทำการตลาดแบบปากต่อปาก
ในการทำการตลาดแบบปากต่อปาก แน่นอนว่าเรื่องของความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมของลูกค้า ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อและพูดถึงแบรนด์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการบอกปากต่อปากด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอยากให้สังคมยอมรับ จึงทำให้เกิดการส่งต่อหรือบอกต่อเรื่องราวที่มีประโยชน์ เพื่อทำให้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนที่มีความรู้ น่าพูดคุยด้วย หรือการเลียนแบบบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือบุคคลที่เราชื่นชอบ โดยอาจทำตามหรือใช้ของตามคนเหล่านั้น แล้วโพสลงสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นการบอกต่อเกี่ยวกับสินค้านั้นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังรวมไปถึงการเห็นคุณค่า และประทับใจในเรื่องราวหรือ Brand Story ที่แบรนด์ส่งมอบ จนอยากบอกต่อให้กับคนอื่น
Call-to-Action (CTA) สำคัญอย่างไรกับการตลาดแบบปากต่อปาก
Call-to-Action หรือ CTA ถือเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากในการทำการตลาดแบบปากต่อปาก เนื่องจากส่วน CTA จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าหรือคนที่พบเห็นเกิดความรู้สึก และมีอารมณ์ร่วมกับกิจกรรมทางการตลาด ส่งให้ผลเกิดการแชร์ บอกต่อ หรือส่งต่อให้กับเพื่อนผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ ดังนั้นในการทำ Word of Mouth Marketing ควรมี CTA เช่น การเชิญชวนให้แท็กชื่อเพื่อน หรือปุ่มแชร์ต่อ เป็นต้น
การตลาดแบบปากต่อปากหรือ Word of Mouth Marketing เป็นเทคนิคทำการตลาดที่ธุรกิจควรทำความเข้าใจให้ดี และไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการทำธุรกิจในปัจจุบันนั้นมีคู่แข่งจำนวนมาก และมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด หากธุรกิจไม่มีเทคนิคการขายหรือการทำการตลาดเข้ามาช่วย ก็อาจทำให้ไม่มีคนรู้จักและไม่มีการบอกต่อ ส่งผลให้ขายสินค้าไม่ได้และขาดทุนได้นั่นเอง ดังนั้นธุรกิจจึงต้องหาแนวทางในการทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจให้ได้ เพื่อทำให้เกิดการบอกต่อและรีวิวในทางที่ดี
แต่หากธุรกิจมียอดขายและออเดอร์เพิ่มมากขึ้นจากการทำการตลาดแบบบอกต่อ จนไม่มีเวลาจัดการงานหลังบ้านทั้งหมดเอง แนะนำให้ใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์ระบบ Fulfillment จาก Packhai ที่จะช่วยดูแลงานตั้งแต่การ เก็บ แพ็ค ส่ง ให้กับธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจมีเวลาเหลือมากขึ้น ไปใช้โฟกัสกับงานด้านการขาย และทำการตลาดให้คนบอกต่อได้อย่างเต็มที่ รวมถึงยังช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจได้อีกด้วย – อยากรู้ว่า Fufillment BY Packhai ดียังไง? : คลิกที่นี่