Sale Page ที่ดี
การมีหน้า Sale Page ที่ดี นั้นมีประโยชน์อย่างมากในการทำเซลเพจขายสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการมีหน้าเซลเพจที่ดีทำให้สามารถปิดการขายได้ง่าย ครบจบในหน้าเว็บเดียว ทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขาย และเติบโตได้ในระยะยาว
ซึ่งรูปแบบของเซลเพจที่มีให้บริการอยู่จะเป็นแบบสำเร็จรูป ทำให้แม้ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ก็สามารถทำได้ไม่ยาก ( ไม่ต้องมานั่งเขียนโค้ดเอง ) แต่หากร้านค้าออนไลน์ได้ศึกษาและรู้ก่อนว่าเซลเพจที่ดีควรเป็นแบบไหน หรือประกอบด้วยอะไรบ้าง ก็จะยิ่งทำให้หน้าเซลเพจของร้านค้าดูมีความเป็นมืออาชีพ และโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดได้
ทำไมต้องมีหน้า Sale Page ที่ดี
- Sale Page ที่ดีช่วยโปรโมทสินค้า และเพิ่มยอดขายได้
- Sale Page ที่ดีช่วยให้สามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้น
- Sale Page ที่ดีช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
- Sale Page ที่ดีช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้า
- การมีSale Page ที่ดี ทำให้มีต้นทุนทางการตลาดที่ถูกกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ
- ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าได้สะดวก และครบถ้วนในหน้าเว็บเดียว
คลิกอ่านเพิ่มเติม : Sale Page เจ้าไหนดีที่สุด
Sale Page ที่ดี ควรมีอะไรบ้าง
1. มีเนื้อหาที่กระชับ และเข้าใจง่าย
วัตถุประสงค์ของการทำเซลเพจ ก็คือ ต้องการแสดงข้อมูลสำคัญๆ ของสินค้า ให้ลูกค้าสามารถอ่านได้อย่างสะดวกในหน้าเว็บเดียว ร้านค้าออนไลน์จึงควรใส่รายละเอียดของสินค้าในหน้าเซลเพจให้มีความกระชับ ไม่ยาวจนเกินไป และแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของสินค้าชัดเจน เมื่อลูกค้าเข้ามาดูแล้วต้องสามารถเข้าใจได้ง่าย
2. มีรูปภาพ หรือวิดีโอประกอบ
หากในหน้าเซลเพจนั้นมีเฉพาะเนื้อหาที่เป็นข้อความเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้เซลเพจดูไม่มีความน่าสนใจ จึงควรมีการใส่รูปภาพ หรือวิดีโอประกอบด้วย เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาดูสามารถเห็นภาพของสินค้าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ว่าสินค้าจริงมีลักษณะเป็นยังไง หรือมีวิธีการใช้งานอย่างไรให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อได้
3. มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ
การทำเซลเพจเพื่อใช้ในการโฆษณาโปรโมทสินค้า หากต้องการจะปิดการขายให้ได้ในหน้าเดียว ก็จำเป็นต้องมีสิ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น อย่างการมีโปรโมชั่นที่ชัดเจน และน่าสนใจ เช่น ให้ส่วนลด ของแถมพิเศษ ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าจากการซื้อสินค้า
4. มีรีวิวจากผู้ใช้งานจริง
ถึงแม้ว่าหน้าเซลเพจของร้านค้าออนไลน์จะอธิบายรายละเอียด รวมถึงประโยชน์ของสินค้าไว้ดีแค่ไหน แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เชื่อไปซะทั้งหมด ทำให้ในเซลเพจจำเป็นต้องใส่ในส่วนของรีวิวจากลูกค้า หรือประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงด้วย เพื่อช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจในการใช้สินค้าได้
5. มีปุ่ม Call to Action ที่ชัดเจน
การทำเซลเพจของแต่ละร้านค้าออนไลน์ อาจจะมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่การ
โปรโมทสินค้า และเพิ่มยอดขาย จึงต้องมีการใส่ปุ่ม Call to Action เข้าไปในเซลเพจด้วย เพื่อให้ลูกค้าที่เกิดความต้องการซื้อสินค้า สามารถกดปุ่มสั่งซื้อ ไปยังหน้าร้านค้า หรือติดต่อร้านค้าได้เลยทันที
6. รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่อื่นๆ ได้
เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันต้องการความสะดวก และรวดเร็วในการใช้ชีวิต ร้านค้าเองก็ควรให้ความสำคัญตรงส่วนนี้ด้วย โดยการออกแบบเซลเพจให้สามารถรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ได้ เช่น สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นจากทุกที่ทุกเวลา
จากที่ได้เห็นตัวอย่างและสิ่งที่ Sale Page ที่ดีควรมีไปแล้ว แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ก็คงจะพอเห็นภาพกันชัดเจนมากขึ้น ว่าควรใส่ข้อมูลสินค้าอะไรลงไป หรือควรออกแบบหน้าเซลเพจยังไงบ้าง เพื่อให้ดึงดูดความสนใจของลูกค้า และกระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อ ซึ่งหากร้านค้าออนไลน์อยากให้หน้าเซลเพจของตัวเองนั้นมีความโดดเด่น และสามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้นในหน้าเว็บเดียว ก็สามารถนำเอาวิธีต่างๆ ข้างต้นไปปรับใช้ให้เข้ากับร้านค้าของตัวเองได้ไม่ยาก
เมื่อร้านค้าออนไลน์มียอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการมีหน้าเซลเพจที่ดีแล้ว ก็อย่าลืมที่จะมองหาตัวช่วยดีๆ ที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกในการทำงาน รวมถึงช่วยลดความผิดพลาดในการจัดการออเดอร์และแพ็คสินค้าด้วย อย่างการเลือกใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์แบบ Fulfillment ที่ให้บริการจัดเก็บสินค้า แพ็ค และจัดส่งสินค้า ให้อย่างเป็นมืออาชีพ พร้อมมีระบบช่วยจัดการหลังบ้านที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ร้านขายของออนไลน์ได้อย่างครบถ้วน