ขายของมือสอง Shopee
ในการขายของผ่านทาง Shopee หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าสามารถ ขายของมือสองลง Shopee ได้หรือไม่ ? Shopee จะอนุญาตไหม ผิดข้อกำหนดหรือเปล่า จะมีปัญหาอะไรตามมาให้ปวดหัวไหม วันนี้เราจะพาทุกคนมาไขข้อข้องใจไปพร้อมๆ กัน และไปดูกันว่าถ้าจะเปิดร้านขายของมือสองใน Shopee ต้องทำอย่างไร รวมไปถึงข้อควรระวังในการขายของมือสองด้วย ถ้าอยากรู้แล้วตามไปดูกันเลย
เมื่อพูดถึงการขายของออนไลน์ ในยุคนี้ สมัยนี้ ต้องยอมรับเลยว่าธุรกิจขายของออนไลน์กำลังมาแรงแซงโค้งมากๆ ด้วยพฤติกรรมการซื้อสินค้าของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงปัญหาการแพร่ระบาดของโควิค 19 ผู้คนไม่อยากออกจากบ้าน Work from Home กันบ้างบางส่วน การซื้อของออนไลน์จึงสามารถตอยโจทย์ได้ดี ผู้คนสนใจหันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้นด้วยเพราะความสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีสินค้าให้เลือกหลากหลายสามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าได้ มีตัวเลือกเยอะขึ้น
จึงทำให้ธุรกิจขายของออนไลน์เติบโตแบบก้าวกระโดด สำหรับคำถามที่ว่าขายของมือสองใน Shopee ได้ไหม คำตอบคือได้แน่นอน 100% Shopee เปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถลงขายสินค้ามือสองได้ แต่ทั้งนี้สินค้าที่ลงขายจะต้องไม่ใช่สินค้าที่ผิดกฎหมายหรือสินค้าต้องห้าม ซึ่งจะปรากฏอยู่ในเงื่อนไขการขายสินค้าของ Shopee
อ่านเพิ่มเติม : ขายของ Shopee ดีไหม มีข้อดีอย่างไรบ้างเมื่อขายของในช้อปปี้
เปิดร้านขายของมือสองใน Shopee ต้องทำอย่างไรบ้าง
1.สมัครสมาชิกก่อนขายของมือสองใน Shopee
อันดับแรกต้องสมัครเป็นสมาชิกของ Shopee ก่อน จะสมัครผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นก็ได้ เมื่อคุณสมัครใช้งาน Shopee ทำการยืนยันตัวตนโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือเสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การลงขายสินค้ามือสอง ก็เหมือนกับการลงขายสินค้าทั่วไป เริ่มต้นให้ไปที่ “เริ่มขาย” ซึ่งจะอยู่มุมบนซ้าย
2.เพิ่มสินค้ามือสองที่จะขายใน Shopee
จากนั้นกดเข้าไปตรง “เพิ่มสินค้า” เพื่อเข้าไปเพิ่มสินค้าที่คุณต้องการขาย
3.เพิ่มรูปภาพสินค้ามือสองที่จะลงขายใน Shopee
ขั้นตอนต่อมาคือการเพิ่มรูปภาพ โดยอนุญาตให้ Shopee เข้าถึงกล้อง หรือคลังรูปภาพของคุณ หรือสามารถใช้รูปภาพจาก Instagram ก็ได้
4.ใส่รายละเอียดของสินค้ามือสองที่จะลงขายผ่าน Shopee
เมื่อเพิ่มรูปภาพเกี่ยวกับสินค้าเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการใส่รายละเอียดของสินค้า อย่าลืมใส่รายละเอียดให้ครบถ้วน ชื่อสินค้า ราคา หมวดหมู่ ที่สำคัญอย่าลืมเลือก “สภาพ” หากสินค้าเป็นมือสอง ให้เลือกสภาพเป็นมือสอง แต่หากเป็นสินค้ามือหนึ่งให้เลือกสภาพเป็นของใหม่
5.ตรวจเช็คข้อมูลสินค้ามือสองที่จะขายผ่านช้อปปี้อีกครั้ง
หลังจากที่ใส่รายละเอียดสินค้าครบถ้วนสมบูรณ์แล้วให้ตรวจสอบอีกครั้ง ป้องกันความผิดพลาด จากนั้นกด “ส่ง”
6.เพิ่มบัญชีธนาคารสำหรับรับเงินจากของมือสองที่ขายได้จาก Shopee
ขั้นตอนสุดท้ายห้ามลืมเด็ดขาด หลังจากที่กดลงสินค้าเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมกด “ป้อน” เพื่อเพิ่มบัญชีธนาคารของคุณ เพื่อให้ Shopee ทำการโอนเงินค่าสินค้าให้กับคุณ เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินและได้รับค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่ต้องระวังเมื่อลงขายของมือสอง Shopee
การขายสินค้ามือสองกับทาง Shopee แน่นอนว่าของมือสองในสายตาของใครหลายๆ คนคือเป็นสินค้าที่ไม่ได้มีสภาพสมบูรณณ์แบบ 100 % อาจมีตำหนิบ้างเล็กน้อย ดังนั้นก่อนที่คุณจะ ลงขายสินค้ามือสอง Shopee ควรมีการตรวจสอบหรือเช็คสภาพของสินค้าให้ดี ว่าสินค้าใช้งานได้จริงหรือไม่ หากมีตำหนิใดๆ
หรือมีการชำรุดเสียหายไปบางส่วน ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งของที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ถ้าคุณต้องการขายสินค้ามือสองผ่าน Shopee ก็ควรแจ้งผู้ซื้อให้รับทราบด้วยจะ เช่น สินค้ามีตำหนิตรงจุดไหน จุดไหนใช้งานได้ หรือใช้งานไม่ได้ จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดกันภายหลัง นอกจากนั้นยังทำให้ภาพพจน์ร้านค้าของคุณเสียหายด้วย
เห็นไหมว่า ใครๆ ก็สามารถขายสินค้ากับทาง Shopee ได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้ามือหนึ่งหรือมือสองก็ตาม แต่การจะขายสินค้ามือสอง กับ Shopee ผู้ขายต้องมีการตรวจเช็คสภาพสินค้าให้ดีว่ายังสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ แม้จะเป็นสินค้ามือสองแต่สภาพของสินค้าก็ควรอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่สามารถใช้งานได้จริง จะได้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นมาภายหลัง
ทั้งหมดนี้ก็พอจะไขข้อข้องใจได้แล้วว่าสามารถลงขายสินค้ามือสองกับทาง Shopee ได้ไหม การลงขายสินค้ากับทาง Shopee มีขั้นตอนอย่างไร หวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อยากจะลงขายสินค้ากับทาง Shopee บริษัท E-Commerce ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
อีกหนึ่งปัญหาของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการสต๊อกสินค้า ไม่มีพื้นที่จัดเก็บสินค้า รวมถึงไม่มีพนักงานช่วยแพ็คสินค้า ไม่มีรถจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไปเพราะปัจจุบันมีผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ (Fulfillment) หลายแห่งในประเทศไทยที่ให้บริการจัดเก็บสินค้า มีพนักงานแพ็คสินค้าให้และมีรถจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว
แถมยังมีระบบสต๊อกสินค้าและบริการจัดส่งสินค้าให้ด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดส่งล่าช้า อยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ โดยสามารถตรวจเช็คสินค้า บริหารสินค้าคงคลังผ่านหน้าจอคอมฯ หรือโทรศัพท์มือถือ เห็นไหมว่าบริการคลังสินค้าออนไลน์ หรือ Fulfillment ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทำงานได้สะดวกขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องการสต๊อกสินค้าอีกต่อไป