งานสโตร์ คลังสินค้า คือหน้าที่ในการรับสินค้า โดยการตรวจสอบคุณลักษณะในการแยกแยะ การตรวจสอบจำนวน จัดเก็บเป็นหมวดหมู่ และจัดการที่มีระบบการตรวจสอบให้ถูกต้องที่เกี่ยวกับปริมาณ สภาพ จำนวน คุณภาพ โดยคลังสินค้าหลัก ๆ ทำหน้าที่ในฐานะความเป็นเจ้าของสินค้าชั่วคราวและความรับผิดชอบที่จะมีต่อสินค้า ทั้งนี้หน้าที่หลัก ๆ ของงานสโตร์คลังสินค้าคืออะไร เทคโนโลยีหรือเครื่องมือในงานสโตร์มีอะไรบ้าง เราจะมาอ่านในบทความนี้
คลังสินค้าคืออะไร
คลังสินค้า คือ สถานที่ที่ใช้ในการเก็บรักษาสินค้าต่างๆ เช่น วัตถุดิบ สินค้าสำเร็จรูป หรือชิ้นส่วนอะไหล่ เพื่อรอการกระจายไปยังจุดหมายปลายทาง เช่น ร้านค้า โรงงาน หรือลูกค้า คิดง่ายๆ คลังสินค้าก็เหมือนกับบ้านเก็บของขนาดใหญ่สำหรับธุรกิจนั่นเองค่ะ โดยคลังสินค้าจะมีระบบการจัดเก็บและการควบคุมสินค้าที่เป็นระบบ เพื่อให้สามารถนำสินค้าออกไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
หน้าที่หลักของงานสโตร์คลังสินค้า
หน้าที่หลักของงานสโตร์คลังสินค้า (Warehouse Stock Officer) ได้แก่
1. การจัดเก็บและจัดวางสินค้า
– จดบันทึกแยกประเภทหมวดหมู่และจำนวนสินค้า, จัดสถานที่ให้เหมาะสมกับสินค้าในการจัดวาง และเก็บรักษา
2. ตรวจรับสินค้า
– ตรวจรับสินค้าจากผู้ขายและบริษัทขนส่ง ก่อนนำเข้าคลัง, รายงานความเสียหายของสินค้า
3. การควบคุมสต็อกสินค้า
– วางแผนตรวจนับสต็อกสินค้าเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน
4. การประสานงานและรายงาน
– ประสานงานกับแผนกที่เกี่ยวข้อง, บริษัทภายนอก หรือหน่วยงานราชการในการรับส่ง และจัดเก็บสินค้า
– ทำรายงานจำนวนสินค้าคงเหลือ, ปัญหาที่พบของสินค้าในคลัง, รายงานบันทึกการแจ้งซ่อมอุปกรณ์และเครื่องมือ
5. การควบคุมและจัดการอุปกรณ์
– จัดอุปกรณ์ เครื่องมือ น้ำยาเคมี ส่งให้หน่วยงาน ตามรายการที่รับแจ้ง
– ตรวจสอบดูแลอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ก่อนและหลังการเบิกใช้ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย
6. การประสานงานกับฝ่ายจัดซื้อ
– แจ้งจำนวนสินค้าที่ต้องสั่งซื้อกับฝ่ายจัดซื้อ
7. การแก้ไขปัญหาและปฏิบัติงานอื่นๆ
– คอยช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น, ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน
โดยรวมแล้ว หน้าที่หลักของงานสโตร์คลังสินค้าแผนกคลังสินค้าเกี่ยวข้องกับการจัดการสินค้า, การควบคุมสต็อก, การประสานงาน, การรายงาน และการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เจ้าหน้าที่คลังสินค้าทำงานดำเนินไปอย่างราบรื่น
เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ในงานสโตร์
ในปัจจุบัน การดำเนินงานในคลังสินค้ามีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้การจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ ธุรกิจจึงหันมาใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง WMS (Warehouse Management System) หรือ ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการคลังสินค้าสมัยใหม่
WMS คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมและจัดการการดำเนินงานทั้งหมดภายในคลังสินค้า ตั้งแต่การรับสินค้าเข้า การจัดเก็บ การเลือกสินค้าเพื่อการจัดส่ง และการนับสินค้าคงคลัง โดย WMS จะช่วยให้การทำงานในคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีระบบ มีประสิทธิภาพ และมีความแม่นยำสูง
เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกับ Warehouse Management System
- Barcode Scanner: อุปกรณ์สแกนบาร์โค้ดที่ติดอยู่กับสินค้าหรือพาเลท เพื่อระบุตัวตนของสินค้าและอัปเดตข้อมูลเข้าสู่ระบบ WMS
- RFID (Radio Frequency Identification): เทคโนโลยีการระบุตัวตนแบบไร้สาย โดยใช้แท็ก RFID ติดกับสินค้าหรือพาเลท เพื่อติดตามและตรวจสอบสินค้าได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
- Mobile Computer: คอมพิวเตอร์มือถือที่ใช้ในการทำงานในคลังสินค้า เช่น การรับสินค้า การจัดเก็บสินค้า และการตรวจนับสินค้า
- Voice Picking: ระบบที่ใช้เสียงในการสั่งงานพนักงานในการเลือกสินค้า โดยพนักงานจะสวมหูฟังและได้รับคำสั่งจากระบบ WMS ผ่านทางเสียง
- Automated Storage and Retrieval System (AS/RS): ระบบจัดเก็บและค้นหาสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งประกอบด้วยชั้นวางสินค้าและรถยกอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
- Conveyors: สายพานลำเลียงที่ใช้ในการขนส่งสินค้าภายในคลังสินค้า
- Warehouse Control System (WCS): ระบบที่ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในคลังสินค้า เช่น สายพานลำเลียง รถยก และ AS/RS
ประโยชน์ของการใช้ WMS และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: ลดเวลาในการทำงาน เพิ่มความเร็วในการค้นหาสินค้า และลดความผิดพลาดในการทำงาน
- เพิ่มความแม่นยำ: ข้อมูลสินค้าคงคลังถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
- ลดต้นทุน: ลดต้นทุนในการจัดเก็บสินค้า ลดต้นทุนในการบริหารจัดการคลังสินค้า และลดการสูญเสียสินค้า
- เพิ่มความยืดหยุ่น: สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานในคลังสินค้าได้ตามความต้องการของธุรกิจ
- เพิ่มความปลอดภัย: ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในการทำงาน
สรุป
WMS และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารจัดการคลังสินค้าสมัยใหม่ ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
การเลือกโปรแกรม Warehouse Management System ที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น
Packhai Fulfillment การบริหารคลังสินค้าออนไลน์อย่างเป็นระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราสามารถให้รายละเอียดการใช้โปรแกรม warehouse management system รวมถึงการบริหารคลังสินค้าได้อย่างละเอียด เพราะเรา Packhai Fulfillment เป็นผู้บริหารระบบและดูแล ด้วยบริหารรับฝาก เก็บ แพ็ค จัดส่งครบจบในที่เดียวอย่างครบวงจร ระบบ Packhai Fulfillment จะช่วยทำให้ท่านมีเวลาโฟกัสกับการบริหารงานขายได้มากขึ้น ไม่ต้องปวดหัวกับสต๊อกจม สต๊อกมั่ว สต๊อกจม ช่วยทำให้ท่านประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อีกมาก สนใจระบบคลังสินค้าออนไลน์ Packhai ติดต่อเราได้ที่ www.packhai.com