การยิงแอดโฆษณาบน Facebook เป็นสิ่งที่คนขายของออนไลน์ทุกคนควรเรียนรู้ เพื่อใช้ในการโฆษณาโปรโมทสินค้าให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าได้ โดยหากร้านค้าไม่มีการยิงแอดเลย ต่อให้สินค้านั้นมีคุณภาพดีแค่ไหนก็ตาม ลูกค้าก็อาจจะไม่เห็นสินค้าของร้านเรา และไปเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าอื่นแทน นอกจากนี้การศึกษาวิธีลดต้นทุนการยิง Ads Facebook ก็ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากต้นทุนทางด้านการตลาดโดยเฉพาะการยิงแอดนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังคิดเป็นสัดส่วนที่มากในการดำเนินธุรกิจ
ทำไมต้นทุนการยิง Ads Facebook ถึงแพงขึ้น
ในปัจจุบันธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสของใครหลายคนในการสร้างรายได้จากการขายของออนไลน์ โดย Facebook ก็ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้ร้านค้าต่างๆ มีการแข่งขันกันสูง การยิงแอดเฟสบุ๊คจึงถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ในการช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่เฟสบุ๊คนั้นมีระบบในการคัดเลือกโฆษณาที่มีศักยภาพ และหากจ่ายเงินสูงกว่าคู่แข่ง โฆษณาก็จะถูกแสดงให้กลุ่มเป้าหมายเห็นก่อน
ดังนั้นในการยิงแอดแต่ครั้งร้านค้าออนไลน์จะต้องทำการประมูล เพื่อแข่งกันเสนอราคา หากใครที่เสนอราคาได้สูงสุด ก็จะมีโอกาสที่โฆษณาจะได้แสดงบนหน้าเฟสบุ๊คก่อน ทำให้ต้นทุนการยิง Ads Facebook นั้นแพงขึ้นอย่างมากเลย ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก หรือขนาดกลางที่มีงบประมาณจำกัดได้
วิธีลดต้นทุนการยิง Ads Facebook ควรทำอย่างไร
1. สร้างสรรค์โฆษณาให้ดึงดูดความสนใจของลูกค้า
นอกจากการประมูลราคาให้ได้สูงที่สุด โฆษณาของร้านจึงจะถูกแสดงบนหน้าเฟสบุ๊คของกลุ่มเป้าหมายแล้ว Facebook ยังให้ความสำคัญกับโฆษณาที่มีเนื้อหาโดดเด่นและน่าสนใจด้วย ดังนั้นหากสร้างสรรค์โฆษณาให้มีความแตกต่างจากของคู่แข่ง รวมถึงควรทำโฆษณาที่สามารถให้ลูกค้ามีส่วนร่วมได้ ก็จะทำให้โฆษณามีโอกาสถูกแสดงมากขึ้น แม้ว่าจะจ่ายเงินน้อยกว่าก็ตาม
2. เลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจง
หากทำการเลือกกลุ่มเป้าหมายยิงแอดที่กว้างจนเกินไป หรือเป็นกลุ่มที่ไม่ได้มีความต้องการซื้อสินค้า การยิงโฆษณานั้นก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์มากนัก เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป แต่หากร้านค้าออนไลน์ทำการเลือกกลุ่มเป้าหมายยิงแอดที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ก็จะทำให้มีคู่แข่งน้อยลง และต้นทุนการยิง Ads Facebook ก็จะถูกลงด้วย
3. Retargeting ไปยังฐานลูกค้าเดิม
ฃเนื่องจากฐานลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มที่มีความสนใจในสินค้าของร้านเราอยู่แล้ว โดยการทำ Retargeting หรือยิงแอดซ้ำไปยังกลุ่มลูกค้าเดิม จะเป็นการช่วยกระตุ้นความต้องการ และช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นวิธีการยิงแอดที่สามารถเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี และยังมีต้นทุนการยิง Ads Facebook ที่ถูกกว่าการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่อาจจะสนใจซื้อสินค้าหรือไม่สนใจก็ได้
คลิกอ่านบทความเพิ่มเติม :
- อัปเดต วิธีจ่ายค่าโฆษณา FACEBOOK เพื่อโปรโมทเพจ ชำระผ่านช่องทางไหนได้บ้าง มีวิธีการอย่างไร
- ลงโฆษณา Facebook มีวิธีการซื้อโฆษณาในเฟสบุ๊คอย่างไรบ้าง ทำแล้วดียังไง อ่านเลย
4. การเลือกตำแหน่งในการแสดงโฆษณา
ตำแหน่งในการแสดงโฆษณานั้นมีผลต่อต้นทุนการยิงแอด โดยหากร้านค้าต้องการให้โฆษณาไปแสดงบนหน้าฟีดเฟสบุ๊คของกลุ่มเป้าหมาย ก็จำเป็นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่สามารถเห็นโฆษณาได้อย่างเด่นชัด และลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายที่สุด แต่หากต้องการลดต้นทุนในการโฆษณาลง ก็อาจจะแบ่งสัดส่วนนำโฆษณาไปแสดงในตำแหน่งอื่นร่วมด้วย เช่น บริเวณด้านข้าง
5. การเพิ่มช่องทางในการลงโฆษณา
ในการทำโฆษณาโปรโมทสินค้าไม่ได้มีแค่ Facebook เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลากหลายช่องทางให้เลือกใช้ เช่น Google Ads หรือ Shopping Ads เป็นต้น ซึ่งหากร้านค้าออนไลน์ต้องการลดต้นทุนการยิงแอดเฟสบุ๊คลง ก็สามารถกระจายโฆษณาไปยังช่องทางอื่นที่มีการแข่งขันน้อยกว่าได้
ในการทำธุรกิจขายของออนไลน์ต้นทุนในการทำโฆษณานั้นมีสัดส่วนที่สูงมาก โดยบางร้านอาจจะมีต้นทุนส่วนนี้สูงถึงหลักหมื่นหรือหลักแสนกันเลยทีเดียว ดังนั้นหากรู้วิธีลดต้นทุนการยิง Ads Facebook ก็จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในราคาที่ถูกลง
และหากต้องการประหยัดต้นทุนในส่วนของการจัดเก็บสินค้า แพ็คและจัดส่งสินค้าด้วยล่ะก็ การเลือกใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์แบบ Fulfillment ก็ถือว่าตอบโจทย์มากๆ เพราะให้บริการรับฝาก เก็บ แพ็ค ส่ง จบครบในที่เดียว ที่จะช่วยให้ร้านค้าไม่ต้องจัดเก็บสินค้าเอง และไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานมาช่วยแพ็คของให้ยุ่งยากอีกต่อไป อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคลังสินค้าออนไลน์ PACKHAI ได้เลยที่บทความด้านล่าง