Call to action คือ
การตัดสินใจของลูกค้าแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถชี้วัดได้เลยว่าเราจะสามารถปิดการขายได้หรือไม่ ในปัจจุบันมีสื่อโฆษณาออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายธุรกิจก็ต่างมีช่องทางในการที่จะสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่าในการสื่อสารหรือการโฆษณาในแต่ละครั้งนั้นมีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยเท่าไรต่างหากคือสิ่งที่สำคัญ ในบทความนี้เราจึงอยากจะพาทุกท่านมารู้จักกับการทำการตลาดอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Call to action คือ ศาสตร์ที่จะเข้ามาช่วยให้คุณสามารถโน้มน้าวลูกค้า กระตุ้นความสนใจ และปิดการขายได้ด้วยเพียงประโยคสั้น ๆ ถ้าพร้อมแล้วเราก็มารู้จักคำนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย
Call to action คืออะไร ?
มาถึงตรงนี้หลายคนถึงจะพอเข้าใจความหมายและประโยชน์ของการใช้ Call To Action กันมากขึ้นแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการทำ CTA ที่ดี ข้อแรกที่สำคัญเลยก็คือต้องสามารถดึงความสนใจและการมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งการที่จะไปถึงยังจุดนั้นไปก็ต้องอาศัยหลายปัจจัยดังนี้
คำต้องสั้น และสื่อสารได้อย่างครบถ้วน
จากอัตราเฉลี่ยในการเล่นสื่อออนไลน์ต่าง ๆ พบว่าผู้ใช้งานมักจะสนใจหรืออยู่กับสื่อโฆษณาต่าง ๆ ภายในระยะเวลาไม่นานเท่านั้น ดังนั้นการเลือกคำที่มีใจคำที่ดีและกระชับจึงถือเป็นหัวใจหลักในการทำ CTA เลยก็ว่าได้ เพราะหากคำที่เลือกใช้ไม่สามารถสื่อความหมายได้อย่างตรงจุดหรือยืดยาวเกินไปก็จะทำให้สามารถเสียลูกค้าไปได้ทันที
มีเอกลักษณ์และแตกต่างจากแบรนด์อื่น
แน่นอนว่าในท้องตลาดไม่ได้มีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่ต้องการจะโปรโมทแบรนด์หรือขายสินค้า หากแต่ผู้ประกอบการเจ้าอื่น ๆ ก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน ดังนั้นการที่เราจะทำ Call To Action ให้สำเร็จอย่างแรกจะต้องเลือกรูปแบบของสื่อของเราให้มีความหมาย โดดเด่นและเป็นที่น่าจดจำ เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ของเราได้อย่างเร็วรวดนั่นเอง
ต้องชัดเจนเข้าใจง่ายและเห็นได้ในทุกอุปกรณ์
ในบางครั้งการทำการตลาดเราก็ควรคำนึงถึงอุปกรณ์ที่กลุ่มเป้าหมายของเราจะใช้ในการเข้าถึงด้วย เพราะการแสดงผลในแต่ละอุปกรณ์จะมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้ Call To Action ของเราจมหายไปกับส่วนอื่น ๆ การออกแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน
ควรมีทางเลือกให้กับลูกค้า
ในบางครั้งลูกค้าอาจต้องการข้อมูลบางอย่างเพื่อประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติม ดังนั้นการเพิ่มทางเลือกให้กับการทำ CTA ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถที่จะตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น และที่สำคัญเรายังได้เพิ่มในการเลือกให้กับลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
รูปแบบและดีไซน์ควรตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าการทำ CTA ที่ดีนอกจากจะต้องมีรูปหลักที่โดดเด่นและสวยงามแล้ว ก็ยังต้องตอบโจทย์กับความต้องการและความชอบของกลุ่มเป้าหมายด้วย เพราะหากสิ่งที่เราทำมาโดดเด่นและสวยงาม แต่ไม่อาจตอบสนองความชอบของกลุ่มเป้าหมายได้สิ่งเหล่านั้นก็จะหมดความหมายไปในทันที
สุดท้ายนี้ทางเราก็อยากจะฝากเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการทำ Call to action ส่งท้าย แน่นอนว่าสำหรับหลายคนแล้วอาจมองว่า CTA ก็เป็นเพียงแค่ปุ่มเพื่อทำการ Action อะไรสักอย่างหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้ว CTA นี้สามารถวัดผลและมีประโยชน์ได้มากกว่านั้น เพราะนอกจากช่วยในการปิดการขายแล้ว CTA ยังช่วยในเรื่องของการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าได้อีกด้วย และที่สำคัญเมื่อเราตัดสินใจทำ CTA แล้ว ก่อนที่จะปล่อยออกสู่มือของลูกค้า เราก็ควรจะตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ก่อน
- ตรวจสอบความพร้อมของลิงค์ปลายทางว่าสามารถนำพาลูกค้าไปยังหน้ารายละเอียดได้อย่างถูกต้องหรือไม่
- ในกรณีที่มีหลาย CTA ก็มีการเก็บข้อมูลการใช้งานของลูกค้าว่าลูกค้าชอบรูปแบบไหนมากกว่ากัน
- ควรเก็บข้อมูลรูปแบบการใช้งานของลูกค้า
- สุดท้ายควรเก็บสถิติวัดผลความสำเร็จของการทำ CTA ด้วย
เสียงตอบรับ ข้อแนะนำ ติชม และยอดความสำเร็จจะเป็นเครื่องมือที่จะสามารถใช้ในการการันตีความสำเร็จในการทำธุรกิจของคุณได้ และที่สำคัญเมื่อคุณมีความรู้และความเข้าใจในการทำ Call To Action มากขึ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการลงสนามจริง เพราะการแข่งขันและการตลาดนั้นไม่เคยที่จะรอใคร ความสำเร็จและผลกำไรหากเราอยากจะได้มันมา สิ่งที่สำคัญก็คือการลงมือทำ ลองสำรวจตลาดและทำการออกแบบ flow ศึกษาพฤติกรรมที่เกิดขึ้นของลูกค้า เพื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับใช้และนำมาต่อยอด เพื่อให้ธุรกิจของเราสามารถที่จะเดินหน้าและแข่งขันกับตลาดได้อย่างสง่างามและมั่นคงในอนาคตต่อไปนั่นเอง