มาทำความรู้จักกับ Ecommerce คืออะไร มีแบบไหนบ้าง

ecommerce คืออะไร

Ecommerce

กระแสการทำธุรกิจ ecommerce ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่าได้รับความนิยมสูงมากๆ ไม่ว่าใครก็ต่างหันมาทำธุรกิจ e-commerce กันทั้งนั้น เชื่อว่าหลายคนในที่นี้มักจะเคยได้ยินคำว่า “อีคอมเมิร์ซ” กันอยู่บ่อยๆ แล้วทุกคนสงสัยไหมว่าอีคอมเมิร์ซคืออะไร ในบทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ให้มากขึ้นไปดูกันว่าอีคอมเมิร์ซ คืออะไร เป็นแบบไหน และธุรกิจอีคอมเมิร์ซดีกว่าอย่างไร

อีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ย่อมาจาก Electronic Commerce โดย ecommerce แปลว่า พาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ คือ การทำธุรกิจซื้อขายสินค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยสื่อกลางที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบันคือ อินเทอร์เน็ต สามารถใช้ทั้งข้อความ ภาพเสียงและคลิปวีดีโอในการประกอบธุรกิจได้ การทำธุรกิจแบบ e-commerce สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างกว้างขวางนอกจากนั้นก็ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจด้วย

ecommerce คืออะไร

ในอดีตหากธุรกิจต้องการสื่อสารหรือโฆษณาประชาสัมพันธ์กับลูกค้า ต้องการขายหรือนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ จะนิยมใช้การสื่อสารผ่านโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์เป็นตัวกลางในการสื่อสาร แต่ในปัจจุบันโลกของเราได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก ส่วนใหญ่ก็มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าถึงเกือบทุกพื้นที่ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ธุรกิจ ecommerce สามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์หรือนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น มีต้นทุนถูกลง และเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

E-commerce มีแบบไหนบ้าง

ธุรกิจรูปแบบ e-commerce ในปัจจุบันมีด้วยกันหลายประเภท โดยมีดังต่อไปนี้

  • B to G ( business to Government ) B2G หมายถึง ธุรกิจกับหน่วยงานของรัฐบาล
  • B to C ( Business to Consumer ) หรือ B2C หมายถึง ผู้ซื้อปลีกสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จากผู้ขาย
  • B to B ( business to Business ) หรือ B2B หมายถึง ผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายได้ทำการติดต่อตกลงซื้อขายทำธุรกิจร่วมกัน โดยเน้นไปที่การขายสินค้าแบบขายส่ง โดยทำการสั่งซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต
  • C to C ( Consumer to Consumer ) C2C หมายถึงการติดต่อแลกเปลี่ยนซื้อขายระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ผู้บริโภค คือ บุคคลที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเน้นการขายผ่านอินเทอร์เน็ตหรือ Platform Social Media ต่างๆ เพราะมีพื้นที่ให้สามารถติดต่อสื่อสารและซื้อขายกันได้อย่างสะดวก
  • G to G ( Government to Government ) G2G หมายถึง รัฐบาลกับรัฐบาล ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น การติดต่อเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกระทรวง
  • G to C ( Government to Consumer ) G2C หมายถึง รัฐบาลกับประชาชนเป็นการให้บริการจากภาครัฐบาลผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่เป็นเรื่องของการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่นการคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
E-commerce มีแบบไหนบ้าง

ธุรกิจ E-commerce ดีกว่าอย่างไร

สำหรับคนที่สงสัยว่าธุรกิจในรูปแบบ e-commerce นั้นดีกว่าอย่างไร ทำไมจึงควรมีธุรกิจรูปแบบนี้ เนื่องจากในปัจจุบันก็อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่าโลกของเราได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ตที่เข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตหรือส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าทุกย่างก้าวนั้นถูกขับเคลื่อนไปพร้อมกับการใช้โซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ต ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ง่ายขึ้นสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ไปแล้ว ด้วยเหตุผลนี้นี่เอง ที่ทำให้หลายๆ ธุรกิจต้องหันมาทำธุรกิจ e-commerce กันมากขึ้น หรือหากอยากเน้นไปที่โซเชียลมีเดียเป็นหลักๆ ปัจจุบันก็ตัวเลือกอย่างการทำ Social Commerce อีกด้วย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย นอกจากนั้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังมีข้อดีอีกหลายด้าน เช่น

  • ช่วยลดรายจ่ายในการจ้างพนักงานเพราะสามารถแสดงข้อมูลหรือนำเสนอสินค้าด้วยระบบสนทนาอัตโนมัติ จึงทำให้สามารถ Support ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านสามารถนำเสนอสินค้าได้ง่ายผ่าน รูปภาพ เสียง วีดีโอ และข้อความ
  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารและการจัดการ เมื่อเหลือต้นทุนสามารถนำต้นทุนไปทำอย่างอื่นเพิ่มเติมได้เช่น ขยายธุรกิจ เอาเงินไปลงทุนกับการโฆษณาเพื่อเรียกลูกค้า ฯลฯ
  • ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น หากร้านค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างหลากหลายและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและเพิ่มกำไรได้มากขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันยังมีระบบขนส่งที่อำนวยความสะดวกมากขึ้นด้วย
  • ธุรกิจสามารถทำการตลาดได้อย่างแม่นยำและสามารถวัดผลได้ แตกต่างจากการโฆษณาแบบดั้งเดิมที่ใช้สื่อการโฆษณาผ่านทางหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์
ธุรกิจ E-commerce ดีกว่าอย่างไร

packhai ผู้ช่วยธุรกิจที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้น ด้วยระบบออนไลน์

สำหรับคนที่ทำธุรกิจ e-commerce หรือพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ถ้าคุณกำลังประสบปัญหา ไม่มีพื้นที่จัดเก็บสินค้า ไม่สามารถบริหารจัดการสินค้าในสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีคนช่วยแพ็คของและการจัดส่งที่ล่าช้า ส่งผิดส่งขาด ส่งเกิน ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยเพราะ packhai คือผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ ให้บริการ Fulfillment แบบครบวงจรทั้งเก็บแพ็คและจัดส่งรวมไว้ในจุดเดียวกัน

packhai ผู้ช่วยธุรกิจที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้น ด้วยระบบออนไลน์ มีระบบหลังบ้าน ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทุกคนทำงานได้ง่าย เช่น สามารถเช็คสต๊อกสินค้าได้ง่ายขึ้น ดูยอดขาย ลงออเดอร์ ติดตามสถานะสินค้า รวมถึงดูรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ตอบโจทย์คนทำธุรกิจออนไลน์ บริการเชื่อมต่อ API ของคุณเข้ากับระบบของ packhai เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าคุณจะมีระบบแบบไหน เราพร้อมเชื่อมต่อกับคุณ เชื่อมต่อ API เพื่อส่งออเดอร์จากระบบของคุณ เชื่อมต่อระบบขนส่งและสถานะการส่งต่างๆ นอกจากนั้นก็ยังมีพนักงานช่วยแพ็คสินค้าและส่งสินค้าให้ โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวที่บริษัทขนส่งเลย

บริการ Fulfillment Packhai

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *