กลยุทธ์การขายแบบ Up Selling กับ Cross Selling
กลยุทธ์วิธีการขายแบบ Up Selling และ Cross Selling ถือเป็นเทคนิคการขายที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจการขายสินค้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ เนื่องจากในปัจจุบันนี้การขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้รับความนิยม และสามารถเข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมาก ส่งผลให้การขายสินค้าออนไลน์นั้นมีการแข่งขันกันสูงมากๆ หากไม่มีเทคนิคที่ช่วยเพิ่มหรือกระตุ้นยอดขาย ก็อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้ง่าย ดังนั้นการใช้เทคนิคการขายอย่าง Up Selling และ Cross Selling จึงเป็นที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ
การขายแบบ Up Selling คืออะไร?
Up Selling คือ การเสนอขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าซื้อในจำนวนที่มากขึ้น ในหนึ่งคำสั่งซื้อ ซึ่งมักจะแสดงให้เห็นว่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ มีประโยชน์และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไร เช่น เสนอว่าซื้อสินค้าตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป จะได้ราคาที่ถูกลง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ามากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการเพิ่มยอดขายที่ดีเลยก็ว่า อีกทั้งหากคุณมีการทำธุรกิจออนไลน์ก็สามารถนำเทคนิคการขายแบบ Up Selling Marketing ไปใช้ประโยชน์ได้ด้วยเช่นกัน
การขายแบบ Cross Selling คืออะไร?
Cross Selling คือ การเสนอขายสินค้าหรือบริการที่มีความเกี่ยวข้องกันกับสินค้าหรือบริการหลักของธุรกิจหรือที่เรียกให้เข้าใจง่ายๆก็คือการขายพ่วง เช่น การขายเครื่องหนีบผมไปพร้อมกับการเสนอขายเครื่องเป่าผม นอกจากนี้ก็อาจจะใช้ Add-On Selling การขายส่วนต่างเพิ่มเติม และ Bundle Selling การขายแบบแพคเกจเข้ามาช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับสินค้าของธุรกิจเรานั่นเอง
คลิกอ่านเพิ่มเติม: แนะนำ 7 วิธีเพิ่มมูลค่าสินค้าให้สูงขึ้น แต่ลูกค้ายอมจ่าย อยากสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าโดดเด่น ต้องอ่าน!
Up Selling กับ Cross Selling แตกต่างกันอย่างไร
สำหรับ Up Selling กับ Cross Selling นั้นแน่นอนว่ามีข้อแตกต่างกันพอสมควร เนื่องจาก Up Selling เป็นเทคนิคการเพิ่มยอดขายที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าชนิดเดิม แต่ซื้อในปริมาณที่มากขึ้น ส่วนการทำ Cross Selling จะเป็นการเสนอขายสินค้าหรือบริการที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหลักที่ขาย ขายเป็นแพ็คเกจ ซึ่งแม้ว่าวัตถุประสงค์จะเป็นช่วยเพิ่มยอดขายเหมือนกัน แต่แนวทางการทำนั้นมีความแตกต่างกัน
ประโยชน์ของการทำ Up Selling และ Cross Selling
1.กระตุ้นความต้องการซื้อของลูกค้า
แน่นอนว่าประโยชน์ของการทำ Cross Sell และ Up Sell ก็คือการช่วยกระตุ้นความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้าหรือบริการกับร้านของเรา ทำให้ลูกค้าตัดสินใจจ่ายเงินมากกว่าปกติ
2.ช่วยเพิ่มยอดขาย
เมื่อมีการนำเทคนิค Cross Sell และ Up Sell มาใช้ในการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าหรือบริการ ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี
คลิกอ่านเพิ่มเติม: แนะนำ 15 วิธีเพิ่มยอดขาย วิธีกระตุ้นยอดขายให้ปัง หากอยากเพิ่มยอดขาย ทำตามนี้เห็นผลแน่นอน
3.ลดสต๊อกสินค้าที่ขายไม่ดี
เนื่องจาก Cross Sell เป็นการเสนอขายสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหลัก จึงสามารถช่วยลดสินค้าในสต๊อกที่ขายไม่ได้ได้เป็นอย่างดี เช่น มีการนำเอาสินค้าที่ขายไม่ออก มาทำการขายพ่วงกับสินค้าที่ขายดีในราคาพิเศษ เพียงแค่นี้ก็จะสามารถช่วยลดปริมาณสินค้าค้างสต๊อกได้เป็นอย่างดีเลยนั่นเอง
4.เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า
เนื่องจากการขายสินค้าแบบ Cross Sell และ Up Sell เป็นการเสนอขายที่เรียกได้ว่ามีความตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการช่วยทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อสินค้าหรือบริการที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการได้มากที่สุดนั่นเอง
ขายแบบ Cross Selling หรือ Up Selling แบบไหนดีที่สุด
เนื่องจากการทำการขายแบบ Cross Selling และ Up Selling เป็นเทคนิคการขายที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากในการธุรกิจการขาย ซึ่งหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าควรเลือกการทำการขายแบบไหนดี ถึงจะสามารถตอบโจทย์ในการทำธุรกิจมากที่สุด ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นการขายที่ดีทั้งสองแบบและควรที่จะทำการขายทั้งสองแบบควบคุมกัน เพราะจะได้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
เทคนิคในการทำ Up Selling และ Cross Selling
1.เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า
สำหรับการใช้เทคนิคการขายแบบ Cross Sell และ Up Sell ก่อนอื่นเลยคือคุณต้องมีความเข้าใจในพฤติกรรมของลูกค้า เพราะไม่ว่าใครก็ต้องการสินค้าหรือบริการที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของตนเองมากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าหลายคนก็อาจจะลังเลและไม่กล้าที่จะตัดสินใจซื้ออะไรง่ายๆ ดังนั้นหลายธุรกิจจึงใช้กลยุทธ์ทำการตลาดแบบ Remarketing ควบคู่กับด้วย เพื่อให้ลูกค้าเห็นโฆษณาสินค้าธุรกิจบนทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เข้าไปใช้งาน และเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าในที่สุด
คลิกอ่านเพิ่มเติม: การเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค มีประโยชน์อย่างไรในการทำธุรกิจ
2.สร้างทางเลือกที่ตรงใจลูกค้า
การสร้างทางเลือกให้ตรงใจลูกค้านั้นเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่มีความยากพอสมควร เนื่องจากลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นคุณจึงอาจมีการสำรวจความต้องการของลูกค้าก่อนทำ Up Sell หรือ Cross Sell เพราะการสำรวจความต้องการของลูกค้าจะช่วยทำให้คุณสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น เช่น ซื้อโฟมล้างหน้า คู่กับโทนเนอร์ ในราคาพิเศษ เป็นต้น
3.ไม่ยัดเยียดขายจนเกินไป
การยัดเหยียดขายจนเกินไป แน่นอนว่าจะทำให้ลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อในร้านของเรานั้นเกิดความอึดอัดและไม่ยากจะเลือกซื้อกับร้านของเรา ดังนั้นคุณจึงต้องไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัดและไม่ยัดเหยียดการขายมากเกินไปนั่นเอง
4.จัดการสต๊อกสินค้าให้ดี
เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการทำ Up Selling กับ Cross Selling ก็เพื่อให้ขายสินค้าได้มากขึ้นในหนึ่งคำสั่งซื้อ ดังนั้นจึงต้องเตรียมสินค้าในสต๊อกให้พร้อมและเพียงพอเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าขาดมือ หรือไม่มีขายให้ลูกค้า ทำให้เสียโอกาสในการขาย
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
- การจัดการสต๊อกสินค้า คืออะไร มีเทคนิคอย่างไรบ้าง ที่ทำให้ Stock เป็นระบบที่สุด
- ระบบจัดการคลังสินค้า WMS คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาของคนขายของออนไลน์ได้อย่างไรบ้าง
ก็จะเห็นได้ว่าการ Up Selling และ Cross Selling มีความแตกต่างกันพอสมควร ซึ่งทั้งสองเทคนิคก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการเพิ่ม และกระตุ้นยอดขายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ เพราะจะช่วยทำให้ร้านของคุณมียอดขายที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น และหากต้องการเพิ่มยอดขายให้มีประสิทธิภาพก็สามารถเลือกใช้ทั้ง Up Selling และ Cross Selling ควบคู่กับได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการวางแผนที่ดี และควรทำความเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายด้วย
นอกจากนี้เมื่อมียอดขายเพิ่มมากขึ้นการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการสต๊อกของ แพ็ค และส่งสินค้า รวมถึงต้องโฟกัสกับลูกค้า ก็คงจะสร้างความยุ่งยากให้กับธุรกิจไม่ใช่น้อย ดังนั้นการมองหาบริการ Fulfillment หรือคลังจัดเก็บสินค้าออนไลน์เข้ามาช่วย ก็จะตอบโจทย์และช่วยแบ่งเบาภาระงานของธุรกิจได้อย่างมากเลย โดยเฉพาะ Fulfillment ของ Packhai ที่จะเข้ามาช่วยจัดการระบบหลังบ้านให้กับธุรกิจทั้งหมด ตั้งแต่การเก็บ แพ็ค ส่ง รวมไว้ในจุดเดียว ทำให้ธุรกิจสามารถโฟกัสกับการขายได้มากขึ้นนั่นเอง – อยากรู้ว่า Fufillment BY Packhai ดียังไง? -> คลิกที่นี่