ภาษีขายของออนไลน์ ต้องยื่นอย่างไร เสียภาษีอะไรบ้าง มีวิธีการคำนวณอย่างไรบ้าง ปี 2023

ภาษีขายของออนไลน์ แม่ค้าต้องเสียภาษีอะไรบ้าง

ภาษีขายของออนไลน์

ในปัจจุบันการขายของออนไลน์ ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนรุ่นใหม่อยากทำมากที่สุด เนื่องจากสามารถเริ่มต้นได้ง่าย เพียงแค่มีโทรศัพท์เครื่องเดียวก็ขายของได้แล้ว โดยอาจจะทำเป็นอาชีพหลักหรือทำเพื่อหารายได้เสริมก็ได้เช่นกัน และนับวันธุรกิจ E – commerce ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ภาครัฐเริ่มมีการออกนโยบายและกฎหมายทางด้าน ภาษีขายของออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่ควรมองข้าม และจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ดี

ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีไหม

การขายของออนไลน์นั้นหากก่อให้เกิดรายได้ขึ้น ผู้ขายหรือเจ้าของมีหน้าที่ในการต้องเสียภาษีขายของออนไลน์ตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากรายได้จากการขายของออนไลน์ก็ถือว่าเป็นเงินได้ประเภทหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าขายของได้เท่าไหร่ก็ต้องเสียภาษีทั้งหมด

ซึ่งจะมีการกำหนดเกณฑ์ของจำนวนการทำธุรกรรมทางการเงินโดยเฉพาะรายการรับโอนเงิน และกำหนดยอดรายได้รวมต่อปีขั้นต่ำเอาไว้ หากร้านค้าออนไลน์มีรายได้ตรงเงื่อนไขก็ต้องดำเนินการยื่นเสียภาษีต่อไป

ขายของออนไลน์เสียภาษีอะไรบ้าง

สำหรับภาษีขายของออนไลน์ที่ร้านค้าต้องเสียจากการขายของออนไลน์ก็คือ “ ภาษีเงินได้ ” โดยหากเป็นร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน ก็จะต้องเสียเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากเป็นร้านค้าที่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนแล้ว ก็จะเสียเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีสถานะเป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งจะมีรายละเอียดและวิธีคำนาณภาษีที่ผู้ขายจำเป็นต้องทราบอยู่หลายอย่างด้วยกัน

นอกจากนี้ร้านค้าออนไลน์ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย หากร้านค้ามีรายได้จากการขายของเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี โดยอัตราของการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะอยู่ที่ 7 % ของรายได้

บริการ Fulfillment Packhai

ค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่นำมาคิดก่อนเสียภาษีขายของออนไลน์

แน่นอนว่าในการขายของออนไลน์ ไม่ได้มีแค่รายได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีในส่วนของค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการดำเนินงานด้วย ซึ่งยอดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นจะต้องนำมาหักออกจากรายได้ ก่อนนำไปคำนวณภาษีขายของออนไลน์ โดยจะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 3 แบบ ดังนี้

1.หากเป็นร้านค้าออนไลน์ที่ทำธุรกิจแบบซื้อสินค้ามาขาย โดยไม่ได้ผลิตสินค้าเอง จะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 60% ของรายได้ทั้งหมด

2.หากเป็นร้านค้าออนไลน์ที่ทำการผลิตสินค้าเอง จะสามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริงได้ โดยต้องมีการเก็บหลักฐานรายรับ และรายจ่ายให้ครบถ้วน เพื่อประกอบการยื่นเสียภาษีด้วย

3.สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านบาทต่อปี สามารถเลือกใช้วิธีหักค่าใช้จ่าย 0.5% ของรายได้

ซึ่งร้านค้าควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่คำนวณได้จากแต่ละวิธีด้วย ว่าวิธีไหนสามารถหักค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด แล้วจึงเลือกใช้วิธีนั้นในการคำนวณภาษี ก็จะช่วยให้เสียภาษีลดลงได้

วิธีคํานวณภาษีขายของออนไลน์

ตามที่ได้บอกไปแล้วว่าในอุตสาหกรรมนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าออนไลน์ที่มีสถานะเป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งจะมีสูตรในการคำนวณภาษีขายของออนไลน์ คือ

(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) = อัตราภาษี

และจากสูตรคำนวณจะเห็นได้ว่ามีสิ่งที่ต้องนำมาคำนวณด้วยกันทั้งหมด 4 ส่วน โดยจะมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

  • รายได้ คือ ยอดขายจากการขายของออนไลน์
  • ค่าใช้จ่าย คือ ต้นทุนหรือทรัพยากรที่ต้องเสียไป เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ ในการคำนวณภาษีจะนำเฉพาะต้นทุนที่เป็นตัวเงินมาคิด
  • ค่าลดหย่อนภาษี คือ รายการสิ่งต่างๆ ที่สามารถนำไปยื่นเพื่อให้เสียภาษีลดลงได้ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนบุตร ประกันสังคม ประกันสุขภาพ เงินบริจาคให้โรงพยาบาล ฯลฯ  ซึ่งจะถูกกำหนดโดยกรมสรรพากรและจะประกาศอัปเดตรายละเอียดทุกปี
  • อัตราภาษี คือ อัตราที่จะต้องนำไปใช้คำนวณภาษี โดยจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว ซึ่งจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของรายได้สุทธิต่อปี และหากมีรายได้สุทธิต่อปีไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้

Apss คำนวณภาษีออนไลน์ ที่คนขายของควรมี

แต่สำหรับใครที่คิดว่าการมานั่งคำนวณภาษีด้วยตัวเองนั้นยุ่งยากและเสียเวลา ซึ่งในปัจจุบันก็มีแอพพลิเคชั่นคำนวณภาษีหลากหลายแอพให้เลือกใช้งาน เช่น RD Smart Tax, iTAX PRO, CHANG TAX ฯลฯ รวมถึงยังสามารถเข้าไปคำนวณภาษีบนเว็บไซต์ของบางธนาคารได้อีกด้วย โดยการใช้แอพคำนวณภาษีเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์สามารถคำนวณภาษีได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว แถมยังมีความแม่นยำที่สูงกว่าการคำนวณด้วยมือ

วิธียื่นภาษีขายของออนไลน์สำหรับพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์

เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นการยื่นภาษีขายของออนไลน์ ถ้าหากจะให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เดินทางไปยื่นภาษีเองที่กรมสรรพากร ก็คงจะไม่สะดวกเอาเสียเลยแถมยังเสียเวลาอีก แต่ปัจจุบันมีวิธียื่นภาษีที่ง่ายกว่านั้นมากๆ โดยสามารถทำการยื่นแบบเสียภาษีผ่านทางออนไลน์ได้แล้ว เพียงแค่เข้าไปกรอกข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วนบนหน้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ซึ่งมีความสะดวกมากๆ สามารถทำได้จากทุกที่ทุกเวลา

ในการทำธุรกิจออนไลน์นั้นควรศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขของการเสียภาษีให้ดีก่อน โดยหากธุรกิจหรือร้านค้าออนไลน์ที่เราทำนั้นสามารถเติบโตได้ดี และมีรายได้เพิ่มขึ้นจนถึงเกณฑ์ที่ต้องเสีย ภาษีขายของออนไลน์ ธุรกิจก็ควรจะต้องดำเนินการยื่นเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนดให้เรียบร้อย เพื่อความถูกต้องของการดำเนินธุรกิจในระยะยาว และเพื่อความสบายใจว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในภายหลังด้วย

ไม่ต้องยุ่งยากเกี่ยวกับการแพ็ค เก็บ ส่ง แนะนำเลยว่าต้องใช้บริการ Fulfillment

บริการคลังสินค้าออนไลน์ สำหรับการรับฝากและจัดส่งโดยเฉพาะ คลิกอ่านข้อดี-ข้อเสียได้ที่นี่ : ข้อดี-ข้อเสีย Fulfillment

ราคาค่าบริการ fulfillment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *