เทคโนโลยีที่ใช้ในคลังสินค้า
ปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ใช้ในคลังสินค้า ถือว่ามีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าอยากจะให้ธุรกิจเติบโตและเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก็จะต้องมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการคลังสินค้า เพื่อให้การดำเนินงานภายในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพ ช่วยลดปัญหาในคลังสินค้าได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก ยิ่งจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในคลังสินค้า เพราะจะช่วยให้จัดการคำสั่งซื้อได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่ง ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ ส่งผลให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ประโยชน์ของเทคโนโลยีในคลังสินค้า
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้การคลังสินค้ามีคุณภาพและมีความแม่นยำ
- ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในคลังสินค้า ลดความผิดพลาดของพนักงาน
- ประหยัดเวลาในการทำงาน ไม่เสียเวลากับการทำงานที่ไม่จำเป็น
- ลดความจำเป็นในการจ้างพนักงาน ลดการใช้แรงงานคน
- เพิ่มความถูกต้องและความรวดเร็วให้กับคลังสินค้า
- เพิ่มขีดความสามารถให้กับคลังสินค้า ทำให้สามารถวิเคราะห์ ปรับปรุง สร้างกลยุทธ์ให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้า
6 เทคโนโลยีที่ใช้ในคลังสินค้า มีอะไรบ้าง
1.ระบบบาร์โค้ดสินค้า
ระบบบาร์โค้ดสินค้า เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำให้กับการทำงานในคลังสินค้าได้ดีมากๆ เพราะระบบบาร์โค้ดมีบทบาทกับตัวสินค้าแบบครบวงจร สามารถระบุตัวตนของสินค้า หาพื้นที่การจัดเก็บ นำส่งสินค้าออกจากคลัง และยังทำให้สามารถตรวจนับและเช็กสต๊อกสินค้าได้อยู่ตลอด ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ควรนำมาใช้ในคลังสินค้าเป็นอย่างมาก
2.เทคโนโลยีหุ่นยนต์
เทคโนโลยีหุ่นยนต์ กำลังเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะตัวของหุ่นยนต์จะช่วยในการจัดเก็บ หยิบ ขนหรือเคลื่อนย้ายสินค้าได้แบบอัตโนมัติ พร้อมกันนั้นเทคโนโลยีหุ่นยนต์ยังมีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงกว่าการใช้แรงงานคน ช่วยลดการจ้างพนักงาน อีกทั้งยังช่วยลดความผิดพลาด ลดความเสียหายจากการทำงานของพนักงานมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
3.ระบบ RFID
ระบบ RFID เป็นเทคโนโลยีที่มีกระบวนการทำงานคล้ายคลึงกับระบบบาร์โค้ด แต่ระบบ RFID จะใช้การบันทึกข้อมูลลงในชิป โดยจะมีการฝังชิปหรือติดชิปไปกับตัวของสินค้า เพื่อระบุตัวตนและข้อมูลของสินค้า หลังจากนั้นใช้การอ่านข้อมูลสินค้าผ่านคลื่นความถี่วิทยุ นับว่าเป็นระบบที่มีความทันสมัย เหมาะที่จะนำมาใช้ในคลังสินค้าเป็นอย่างมาก
4.ระบบ WMS
ระบบ WMS หรือระบบจัดการคลังสินค้า เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยจัดการงานในคลังสินค้าได้แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการติดตามข้อมูลสินค้า การเช็กสินค้าคงคลัง เช็กตำแหน่งที่อยู่ นับว่าเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูง ช่วยทำให้การทำงานในคลังสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นระเบียบมากขึ้น
ซึ่งในปัจจุบันระบบ WMS ก็ยังสามารถเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับระบบจัดการออเดอร์ หรือระบบ OMS (Order Management System) ได้อีกด้วย ทำให้เมื่อมีออเดอร์สินค้าเข้ามา ระบบก็จะส่งข้อมูลไปยังคลังสินค้า เพื่อเช็คจำนวนสินค้าคงเหลือและตัดสต๊อกสินค้า พร้อมทำการเตรียมแพ็คและจัดส่งสินค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อัปเดตข้อมูลสินค้าได้แบบ Real-time
คลิกดูข้อมูลและฟีเจอร์เพิ่มเติม : ระบบจัดการออเดอร์และคลังสินค้าในที่เดียว By Packhai
ทดลองใช้บริการ Fulfillment
Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น
5.ระบบ IOT
ระบบ IOT ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์คลังสินค้าเป็นอย่างมาก เพราะระบบ IOT จะช่วยให้อุปกรณ์ในคลังสินค้าที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ สามารถทำการสื่อสารและแบ่งปันข้อมูลในคลังสินค้าได้ตลอดเวลา นับว่าเป็นระบบที่ครอบคลุมและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้าได้ดีมากๆ
6.เทคโนโลยี AI
เทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยวิเคราะห์ รวบรวม เรียนรู้ข้อมูลต่างๆ เพื่อต่อยอดและพัฒนากระบวนการทำงานต่างๆในคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคลังสินค้า พร้อมทั้งยังช่วยลดความสูญเสียและความไม่ถูกต้องในกระบวนการทำงานได้เป็นอย่างดี
แนวทางการนำเทคโนโลยีในคลังสินค้าไปใช้งาน
เทคโนโลยีในคลังสินค้าสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในคลังสินค้าอัจฉริยะ คลังสินค้าอัตโนมัติ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของธุรกิจ โดยเทคโนโลยีในคลังสินค้าจะเข้ามาช่วยยกระดับความสามารถในคลัง ทำให้เห็นภาพรวมที่แท้จริงของอุตสาหกรรม ช่วยลดต้นทุนโดยรวม ทำให้มองเห็นจุดเด่น มองเห็นจุดอ่อนหรือสิ่งที่ควรจะแก้ไข เพื่อทำการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มเติมคือทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตขึ้นไปด้วย
วิธีการเลือกใช้เทคโนโลยีคลังสินค้า
การเลือกเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในคลังสินค้า จะต้องเลือกให้เหมาะสมและตอบโจทย์มากที่สุด โดยมีแนวทางการเลือกใช้งาน ดังนี้
1.เลือกให้เหมาะกับความต้องการใช้งาน
การเลือกใช้เทคโนโลยีในคลังสินค้า ควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการในการใช้งานให้มากที่สุด หากว่าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการหยิบสินค้า อยากจะลดความผิดพลาดและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้พนักงาน ก็ควรจะเลือกใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ในการหยิบสินค้าแทนคน เพราะเทคโนโลยีหุ่นยนต์มีความสามารถในการหยิบจับที่เหนือกว่าคนหลายเท่า
2.เลือกให้เหมาะกับประเภทของคลังสินค้า
ถ้าหากว่าเป็นเพียงคลังจัดเก็บสินค้า คลังสินค้าพร้อมส่ง Fulfillment หรือคลังที่เป็นศูนย์กระจายสินค้า แค่เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับประเภทคลังสินค้าก็เพียงพอ โดยอาจจะเลือกใช้เทคโนโลยี WMS หรือ เทคโนโลยีที่เป็นระบบบาร์โค้ดสินค้าก็ได้ เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้าที่ตอบโจทย์ประเภทคลังสินค้าได้ดีที่สุด
3.เลือกให้เหมาะกับขนาดของธุรกิจ
หากกำลังก่อตั้งธุรกิจ หรือธุรกิจเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น อาจจะยังไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีคลังสินค้าก็ได้ เพราะธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจที่เพิ่งเริ่มสามารถใช้เทคโนโลยีด้านอื่นๆโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีคลังสินค้าได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีสินค้าจำนวนมาก ควรจะต้องใช้เทคโนโลยีคลังสินค้า เพื่อป้องกันปัญหา และเพื่อทำให้การทำงานในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4.เลือกตามงบประมาณหรือเงินลงทุน
งบประมาณหรือเงินลงทุน ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆในการเลือกใช้เทคโนโลยีในคลังสินค้า หากว่ามีงบประมาณไม่มาก มีงบที่จำกัด ควรเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีราคาเหมาะสมกับงบประมาณ แต่ถ้าหากว่ามีงบประมาณจำนวนมาก ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้าให้ได้มากที่สุด จะเลือกใช้เทคโนโลยีมากกว่าหนึ่งอย่างก็ได้
เทคโนโลยีที่ใช้ในคลังสินค้า นั้นมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากในคลังสินค้า เพราะประโยชน์ที่คลังสินค้าจะได้รับจากการใช้เทคโนโลยีมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็วและความถูกต้องให้กับการทำงาน ดังนั้นคลังสินค้าและธุรกิจขนาดใหญ่ จึงควรที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในคลังสินค้า เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้าและเพื่อให้ธุรกิจเจริญเติบโตก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าการจะนำเทคโนโลยีในคลังสินค้ามาใช้งาน จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ทั้งในการสร้างคลังสินค้าและวางโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้เอื้อต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง ดังนั้นปัจจุบันจึงมีบริการให้เช่าคลังสินค้าออนไลน์ระบบ Fulfillment ที่นอกจากจะช่วยในการจัดเก็บ แพ็ค และจัดส่งสินค้าแล้ว ก็ยังมาพร้อมกับระบบจัดการคลังสินค้าหรือระบบ WMS เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานต่างๆ
คลิกดูฟีเจอร์เพิ่มเติม : บริการคลังสินค้าออนไลน์ระบบ Fufillment BY Packhai
ทดลองใช้บริการ Fulfillment
Fulfillment ตัวช่วยคนขายของออนไลน์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขายสินค้า ลดเวลาการทำงาน มีเวลาโฟกัสยอดขายได้มากขึ้น