Personalized Marketing คืออะไร? เป็นการตลาดแบบไหน และดีอย่างไร

Personalized Marketing คืออะไร

Personalized Marketing คือ การตลาดแบบเฉพาะบุคคล เป็นกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการรวบรวมข้อมูลของลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจและประทับใจให้กับลูกค้า โดยในตอนท้ายเรามีบริการคลังสินค้าออนไลน์ดี ๆจาก Packhai Fulfillment ที่บริการรับฝาก แพ็ค เก็บ ส่ง ครบจบในที่เดียวอย่างครบวงจรมาฝาก

Personalized Marketing คืออะไร?

การตลาดแบบ Personalized Marketing คือกลยุทธ์ที่ช่วยให้เราสื่อสารและติดต่อกับลูกค้าแต่ละคนอย่างเฉพาะเจาะจง โดยอิงจากข้อมูลที่เรามีเกี่ยวกับพวกเขา ซึ่งทำให้เราสามารถปรับการตลาดให้เหมาะสมกับความต้องการ ความสนใจ และพฤติกรรมของแต่ละลูกค้าได้

เมื่อเราพูดถึง Personalized Marketing นั้น มีลักษณะอย่างไร? มาดูกันคร่าว ๆ

  1. Segmentation (การแบ่งกลุ่ม):
    เริ่มต้นด้วยการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามลักษณะที่เหมาะสม อาทิ ตามพฤติกรรมการซื้อ ความสนใจ
    หรือกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน
    การแบ่งกลุ่มช่วยให้เราสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด

  2. 1-to-1 Personalization (การปรับให้เหมาะสมต่อบุคคล):
    การสื่อสารและการติดต่อกับลูกค้าแต่ละคนในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง
    ตัวอย่างเช่น การส่งอีเมลที่ปรับให้เหมาะสมตามประวัติการซื้อของลูกค้า

  3. Personalized Content Marketing (การตลาดด้วยเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะสม):
    การสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจและความต้องการของลูกค้า
    ตัวอย่างเช่น การสร้างบทความบนเว็บไซต์หรือโพสต์ในสื่อสังคมที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย

  4. Personalized Email Marketing (การตลาดด้วยอีเมลที่ปรับให้เหมาะสม):
    การส่งอีเมลที่ปรับให้เหมาะสมตามประวัติการซื้อ ความสนใจ หรือพฤติกรรมของลูกค้า

ประเภทของ Personalized Marketing

ประเภทของ Personalized Marketing มีดังนี้

  • การตลาดแบบแบ่งส่วน (Segmentation Marketing): แบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ตามลักษณะประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการซื้อ หรือความสนใจ
  • การตลาดแบบกำหนดเป้าหมาย (Targeted Marketing): มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจงที่มีแนวโน้มจะสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการ
  • การตลาดแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (One-to-One Marketing): ปรับแต่งข้อความการตลาดให้ตรงกับความต้องการและความสนใจของแต่ละบุคคล
  • การตลาดแบบตามบริบท (Contextual Marketing): นำเสนอข้อความการตลาดที่เกี่ยวข้องกับบริบทปัจจุบันของลูกค้า เช่น ตำแหน่งที่ตั้งหรือเวลา
  • การตลาดแบบอัตโนมัติ (Automated Marketing): ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งข้อความการตลาดที่กำหนดเองโดยอัตโนมัติตามพฤติกรรมของลูกค้า

ประโยชน์ของ Personalized Marketing

ประโยชน์ของ Personalized Marketing มีดังนี้

  • เพิ่มความเกี่ยวข้อง: ข้อความการตลาดที่กำหนดเองมีความเกี่ยวข้องกับความสนใจและความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมและการแปลงที่ดีขึ้น
  • ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า: ลูกค้ารู้สึกมีคุณค่าและเข้าใจมากขึ้นเมื่อได้รับข้อความการตลาดที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของตน
  • เพิ่มอัตราการแปลง: การกำหนดเป้าหมายและการแบ่งส่วนช่วยให้ธุรกิจมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อมากที่สุด ซึ่งจะเพิ่มอัตราการแปลง
  • สร้างความภักดีของลูกค้า: การตลาดแบบกำหนดเองช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับลูกค้า โดยแสดงให้เห็นว่าธุรกิจใส่ใจในความต้องการของตน
  • เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI): การกำหนดเป้าหมายและการแบ่งส่วนช่วยให้ธุรกิจใช้จ่ายด้านการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่มีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนสูงสุด

กรณีศึกษาและตัวอย่างของ Personalized Marketing ที่ประสบความสำเร็จ

ต่อไปนี้คือกรณีศึกษาและตัวอย่างของ Personalized Marketing ที่ประสบความสำเร็จ:

กรณีศึกษา: Netflix

  • Netflix ใช้การตลาดแบบกำหนดเป้าหมายเพื่อแนะนำภาพยนตร์และรายการทีวีที่ตรงกับความชอบของผู้ใช้แต่ละคน
  • Netflix ติดตามประวัติการรับชมของผู้ใช้เพื่อสร้างโปรไฟล์ความชอบส่วนบุคคล
  • ผลลัพธ์: Netflix มีอัตราการคงอยู่ของลูกค้าสูงและผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะรับชมเนื้อหาที่แนะนำมากขึ้น

ตัวอย่าง: Amazon

  • Amazon ใช้การตลาดแบบหนึ่งต่อหนึ่งเพื่อส่งอีเมลที่กำหนดเองให้กับลูกค้าโดยอิงจากประวัติการซื้อและการเรียกดู
  • อีเมลเหล่านี้อาจรวมถึงคำแนะนำผลิตภัณฑ์ ข้อเสนอพิเศษ และการอัปเดตการจัดส่ง
  • ผลลัพธ์: Amazon เพิ่มอัตราการเปิดอีเมลและอัตราการคลิกผ่านได้อย่างมาก

กรณีศึกษา: Starbucks

  • Starbucks ใช้แอปมือถือเพื่อนำเสนอการตลาดแบบตามบริบทให้กับลูกค้า
  • แอปจะส่งข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับโปรโมชันและข้อเสนอพิเศษเมื่อลูกค้าอยู่ใกล้กับร้าน Starbucks
  • ผลลัพธ์: Starbucks เพิ่มยอดขายและการมีส่วนร่วมของลูกค้า

ตัวอย่าง: Spotify

  • Spotify ใช้การตลาดแบบอัตโนมัติเพื่อสร้างเพลย์ลิสต์ที่กำหนดเองสำหรับผู้ใช้แต่ละคน
  • เพลย์ลิสต์เหล่านี้จะอิงจากประวัติการฟังและความชอบของผู้ใช้
  • ผลลัพธ์: Spotify เพิ่มเวลาการฟังและความพึงพอใจของลูกค้า

สรุป

สรุปการทำ Personalized Marketing มีประโยชน์อย่างมาก ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความภูมิใจ

ส่วนการบริหารคลังสินค้าออนไลน์อย่างเป็นระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องยกหน้าที่นี้ให้กับ Packhai Fulfillment เป็นผู้บริหารระบบและดูแล ด้วยบริหารรับฝาก เก็บ แพ็ค จัดส่งครบจบในที่เดียวอย่างครบวงจร ระบบ Packhai Fulfillment จะช่วยทำให้ท่านมีเวลาโฟกัสกับการบริหารงานขายได้มากขึ้น ไม่ต้องปวดหัวกับสต๊อกจม สต๊อกมั่ว สต๊อกจม ไม่ต้องเสียเวลาไปส่งของด้วยตนเอง และยังช่วยทำให้ท่านประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อีกมาก สนใจระบบคลังสินค้าออนไลน์ Packhai ติดต่อเราได้ที่ www.packhai.com